Wealth Sharing

เปิดใจ "สมโภชน์" หลังราคา EA – NEX ร่วง เจอไอ้โม่ง ทำ Naked Short เร่งส่งหลักฐานให้ ก.ล.ต. และ DSI ตรวจสอบ


12 มิถุนายน 2567
นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX  เปิดเผยว่า การปรับตัวลดลงแรงในช่วงที่ผ่านมาของหุ้น EA และ NEX ที่ปรับลดลงลงแรงในช่วงที่ผ่านมา มาจากการเปิดให้มีการใช้โปรแกรม Robot Trade ซึ่งมีความได้เปรียบในเรื่องของความเร็วในการซื้อขายหุ้นและสร้าง Negative moment มีการทำ Short Sell 

WS (เว็บ)_เปิดใจ สมโภชน์ copy_0.jpg

รวมถึงช่องโหว่การทำ Naked Short ผ่านกระดาน NVDR ซึ่งเป็นเจตนาเพื่ออำพรางธุรกรรม ขณะนี้หลายประเทศได้ระงับเรื่องการทำ  Short Sell  เพราะเห็นว่าไม่ใช่ธุรกรรมที่สร้างสรรค์ ขณะที่ประเทศไทยปัจจุบันระบบคัสโตเดียนกับระบบซื้อขายหุ้นของตลาดหลักทรัพย์ยังไม่ได้เชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้มีช่องโหว่หลบเลี่ยงได้ และที่ผ่านมาการกระทำส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน ดังนั้นควรระงับไว้ก่อนหรือไม่ ภายหลังจากปรับปรุงระบบให้เสร็จสมบูรณ์แล้วค่อยนำกลับมาใช้ 

โดยในปัจจุบันอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลหลักฐานต่างๆ เพื่อยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษกระทรวงยุติธรรม หรือ ดีเอสไอ (DSI) ในมาตรา 244/3  ตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ห้ามมิให้บุคคลใดกระทำการ ดังต่อไปนี้ (1)  ส่งคำสั่งซื้อหรือขายหลักทรัพย์ หรือซื้อหรือขายหลักทรัพย์ อันเป็นการทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ (2)  ส่งคำสั่งซื้อหรือขายหลักทรัพย์ หรือซื้อหรือขายหลักทรัพย์ ในลักษณะต่อเนื่องกันโดยมุ่งหมายให้ราคาหลักทรัพย์หรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์นั้นผิดไปจากสภาพปกติของตลาด ซึ่งคาดว่าจะสามารถส่งข้อมูลและหลักฐานต่างๆได้ภายในเดือนนี้

“การที่เราตัดสินใจที่จะไปร้องต่อ ก.ล.ต. และดีเอสไอ เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดทั้งยังเป็นการช่วยปกป้องบริษัทจดทะเบียนรายอื่นๆ ไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก และไม่ให้ Money Game มาทำลาย Real Business และที่สำคัญคือ อยากบอกว่าผมไม่ใช่ตัวการทำลายหุ้น EA และ NEX ถ้าใช่จะไปร้องหน่วยงานกำกับฯทำใม แต่เราต้องการปกป้องบริษัทและหาคนผิดมาลงโทษให้ได้จริงๆ" นายสมโภชน์ กล่าวเพิ่มเติม

สำหรับการเพิ่มทุนของ NEX จะทำให้บริษัทดำเนินธุรกิจในอนาคตได้อย่างราบรื่นและก่อให้เกิดความเชื่อมั่นทั้งจากลูกค้าและซัพพลายเออร์ ซึ่งการเพิ่มทุนแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกจะขายให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 75 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.55 บาท พร้อมรับวอร์แรนท์อีก 75 ล้านหน่วย มีอัตราการใช้สิทธิแปลงสภาพ 1 หน่วยต่อ 5 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ในอัตรา 12.75 บาท ซึ่งจะจัดสรรให้กับ คุณคณิสสร์ ศรีวชิระประภา และพันธมิตรทางธุรกิจอีก 1-2 ราย เพื่อให้คงสถานะเป็น Major Shareholder ซึ่งเป็นมูลค่าระดมทุนราว 2 พันล้านบาท ส่วนกระบวนการคาดว่าจะแล้วเสร็จใน 45 วัน หลังจากการประชุมคณะบริษัทที่จะเกิดขึ้นในเดืิอน มิ.ย. นี้ 

ส่วนการระดมทุนในส่วนสองราว 6 พันล้านบาท  คาดว่าจะยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้ โดยการแบ่งออกเป็นสองชุด เนื่องจากจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ในการทำธุรกิจทันที เมื่อได้เงินก้อนแรกมาทีมผู้บริหารจะทำงานเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าบริษัทไปต่อได้และมีอนาคต จากนั้นจึงจะเรียกเพิ่มทุนในชุดที่สอง ทั้งนี้ได้เปิดเผยข้อมูลให้เห็นตั้งแต่เริ่มต้นจนจบทั้งหมด เพื่อให้ทุกคนได้รับข้อมูลเท่าเทียมกันและมีสิทธิตัดสินใจว่าจะเลือกแนวทางใด 

"NEX เป็นบริษัทที่ดีมีอนาคต ลูกค้าและซัพพลายเออร์ให้ความเชื่อมั่นและที่ผ่านมาสามารถส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้าได้ตามกำหนด ผลประกอบการดีต่อเนื่อง แต่ตอนนี้ NEX กำลังเป็นผู้ถูกกระทำ ซึ่งเป็นผลเกี่ยวเนื่องมาจาก Money Game เริ่มจากการทำลายความเชื่อมั่นในตลาดทุน และกำลังจะทำลายธุรกิจไปด้วย  ผลจากราคาหุ้นที่ลดลงทำให้ คุณคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ในฐานะผู้บริหารและเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ได้รับผลกระทบโดยตรงจาก wealth ที่ลดลง และกระแสข่าวลือเชิงลบต่างๆ ทำให้คู่ค้าและซัพพลายเออร์เกิดความวิตกกังวล จึงเป็นที่มาแห่งการเพิ่มทุนของ NEX ในครั้งนี้" นายสมโภชน์ กล่าวทิ้งท้าย

ด้านนายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX กล่าวว่าปีนี้บริษัทตั้งเป้าส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้าในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 5,000 คัน พร้อมเร่งขยายการเติบโตตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในไตรมาส 1/67 ได้ส่งมอบรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ให้กับลูกค้าเกือบ 600 คัน และในช่วงที่เหลือของปีนี้มีแผนเข้าร่วมเสนองานใหม่หลายโครงการ 

และจะร่วมประมูลงานยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากภาครัฐ, รัฐวิสาหกิจ มหาวิทยาลัย และภาคเอกชน ที่มีความสนใจและนำรถไฟฟ้ามาใช้ในองค์กร เช่น รถโดยสารไฟฟ้า, รถเมล์สาธารณะไฟฟ้า, รถรับ-ส่งพนักงาน, รถรับ-ส่งนักศึกษาในมหาวิทยาลัย, รถขนขยะไฟฟ้า และรถหัวลากไฟฟ้า เป็นต้น ทำให้มั่นใจว่ายอดการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าในปีนี้จะมียอดทะลุ 5,000 คัน ตามเป้าหมายที่วางไว้