Wealth Sharing

OR ทำนิวโลว์ ราคาต่ำสุดตั้งแต่เข้าตลาดหุ้น ไร้เงาเซียน-รายย่อยหายเพียบ


13 มิถุนายน 2567
WS (เว็บ)_OR ทำนิวโลว์ copy_0.jpg

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทลูกของกลุ่มปตท. ที่นักลงทุนทั้งใหญ่และรายย่อยได้ให้ความสนใจและติดตามความเคลื่อนไหว ตั้งแต่ยังไม่มีการเสนอขายหุ้นไอพีโอ 


และเมื่อมีการเปิดให้จองซื้อหุ้น IPO ตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค. 64 - 2 ก.พ.64 ที่ราคา 18 บาท ก็มีรายย่อยองจำนวนมากแห่เข้ามาจองซื้อ ผ่านตัวแทนจำหน่ายหุ้นทั้ง 3 ธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นทางการจองซื้อที่สาขาและช่องทางออนไลน์ ซึ่งมีจำนวนรายย่อยได้รับสิทธิ์รวมกว่า 530,000 ราย นับว่าเป็นการทำรายการจองซื้อหุ้นที่สูงที่สุด

โดยในวันที่ 11 ก.พ. 64 ที่ได้ทำการเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) ราคาหุ้นเปิดตลาดก็ได้มีการปรับตัวขึ้นราคาไอพีโอถึง 47.22% มาอยู่ที่ระดับ 26.50 บาท และราคาหุ้นยังคงไต่ระดับขึ้นจนในวันที่ 15 ก.พ. 64 ช่วงปิดตลาดก็ได้ทำจุดสูงสุดที่ 34 บาท 

OR ทำจุดต่ำสุด
แต่อย่างไรก็ดี เส้นทางของ OR ก็ไม่ได้สวยหรูอย่างที่นักลงทุนหลายคนคาดการณ์ไว้ หลังจากที่ราคาหุ้นทำจุดสูงไปก็ได้ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง จนในปัจจุบัน(ณ วันที่ 12 มิ.ย. 67) ราคาหุ้นก็ได้ต่ำกว่าราคาไอพีโอเป็นที่เรียบร้อยหรือปิดตลาดที่ราคา 16.60 บาท และหากคิดจากราคาปิดตลาดในวันที่เข้าซื้อขายวันแรกที่ราคา 29.25 บาท ก็ปรับตัวลดลงถึง 43.24% และหากเทียบกับราคาสูงุดที่ OR เคยทำได้ที่นั้นเท่ากับว่าราคาหุ้นลดลงไปกว่า 54% 
มูลค่าบริษัทหาย

นอกจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ในด้านของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาหลักทรัพย์หรือมาร์เก็ตแคป ก็ได้ลดลงมาอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน โดยหากนับจากมูลค่ามาร์เก็ตแคปในวันซื้อขายวันแรกปิดตลาดไปที่ 339,592 ล้านบาท มาจนถึงปัจจุบัน(ณ วันที่ 12 มิ.ย. 67) ก็ได้ปรับตัวลดลงไปถึง 41.34% เหลือเพียง 199,200 ล้านบาท

ไร้เงาเซียนหุ้น 
สำหรับในส่วนของผู้ถือหุ้นนั้น อย่างผู้ถือหุ้นใหญ่ “เซียนฮง” หรือ สถาพร งามเรืองพงศ์ ที่เคยถือหุ้น OR จำนวน  244,298,900 หุ้น คิดเป็น 2.04% เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 รองจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ก็ได้เทขายหุ้นจนเกลี้ยงพอร์ต 

รายย่อยหายเพียบ
และสุดท้ายนอกจากเซียนหุ้นแล้ว นักลงทุนทั่วไปหรือรายย่อยอีกไม่น้อยก็ได้ถอดใจจากการลงทุนในหุ้น OR ไปด้วยเช่นกัน โดยหากอ้างอิงจากจำนวนนักลงทุนรายย่อยในวันที่ได้การจัดสรรหุ้นไอพีโอที่ 530,000 ราย มาจนถึงปัจจุบันก็เหลือเพียง 303,265 ราย หรือลดลงถึง 42.78%
OR