จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : SM รับอานิสงส์กนง.คงดอกเบี้ย หนุนผลงานไตรมาส 2 โตแกร่ง


13 มิถุนายน 2567
ผลการประชุมกนง.เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์โดยคงดอกเบี้ยนโยบายที่2.5%  ส่งผลดีต่อผู้ประกอบการธุรกิจปล่อยสินเชื่อรายย่อย รวมทั้ง บมจ.สตาร์ มันนี่ (SM) ซึ่งผู้บริหารมั่นใจไตรมาส 2 ผลงานเติบโตต่อเนื่อง พร้อมลงทุนพัฒนาด้านเทคโนโลยี เพิ่มศักยภาพการปล่อยสินเชื่อ  คุมหนี้ NPL ไม่เกิน 4% 

รายงานพิเศษ SM รับอานิสงส์กนง.คงดอกเบี้ย.jpg

การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 67  มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ต่อปี โดย 1 เสียง เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี พร้อมคงอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ไทยในปีนี้ไว้ 2.6% และปี 2568 ที่ 3.0% ตามเดิม 

โดยกรรมการส่วนใหญ่ เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยปัจจุบัน อยู่ในระดับที่สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ ที่โน้มเข้าสู่ศักยภาพและการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและการเงิน จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ ขณะที่กรรมการ 1 ท่าน เห็นว่าควรปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับศักยภาพทางเศรษฐกิจ ที่ขยายตัวต่ำลงจากปัจจัยเชิงโครงสร้างที่ชัดเจนขึ้น

การคงอัตราดอกเบี้ยของกนง. ส่งผลดีต่อธุรกิจปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้ารายย่อย  โดยเฉพาะ บมจ.สตาร์ มันนี่ (SM) ที่ทำธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. จำหน่ายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ เช่น โทรทัศน์ ตู้เย็น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ รถจักรยานยนต์ และ 2. ธุรกิจให้บริการปล่อยสินเชื่อแบบมีหลักประกัน และสินเชื่อบุคคล โดยหลักประกันเงินให้กู้ยืม เช่น เล่มทะเบียนรถจักรยานยนต์ โฉนดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และให้บริการอื่นเพิ่มเติม เช่น การเป็นนายหน้าประกันวินาศภัย เป็นต้น

ซึ่ง “ชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม” กรรมการผู้จัดการ SM  มั่นใจแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2567 จะมีทิศทางขยายตัวดีต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2567 ที่ผ่านมา โดยประเมินตลาดเช่าซื้อประเภทสินค้าโทรศัพท์มือถือ ในไตรมาส 2 ปีนี้ ยังเติบโตโดดเด่น  ขณะเดียวกันบริษัทได้นำเทคโนโลยีล็อคโฟนมาใช้ ช่วยให้ผลการชำระเงินของลูกค้าดีขึ้นชัดเจน

รวมทั้งบริษัทยังได้ดำเนินกลยุทธ์เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อ โดยการใช้เทคโนโลยีพัฒนาโปรแกรมที่ช่วยวิเคราะห์และออกแบบผลิตภัณฑ์สินเชื่อ ให้เหมาะสมกับคุณสมบัติและความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า

ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ  20 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินงาน เพื่อพัฒนาด้านเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มสำหรับการขยายธุรกิจและให้บริการลูกค้า 

รวมถึงการให้ความสำคัญกับ Data Analytic ในการนำ เทคโนโลยี Machine Learning มาใช้ ในการช่วยพยากรณ์และการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อเป็นเครื่องมือในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ และช่วยในการบริหารติดตามหนี้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้โดยวางกรอบนโยบายเป้าหมายตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) สิ้นปี ไม่เกิน 4%

"ผลงานไตรมาสแรกของบริษัทเติบโตกว่าเป้าหมายที่วางไว้ หลังจากนำเทคโนโลยีล็อคโฟนมาใช้ ช่วยให้ผลการชำระเงินของลูกค้าดีขึ้นชัดเจน และไตรมาส 2 นี้จากการเน้นรุกตลาดผ่านช่องทางการขายใหม่ๆ พบว่ายอดขายมือถือรวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ ยังคงเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งจะมีการปรับ Yield ดอกเบี้ยเช่าซื้อเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาส 2 นี้ ทำให้มั่นใจภาพรวมผลการดำเนินงานจะมีการเติบโตที่โดดเด่น" นายชูศักดิ์ กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทได้มีดีลความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความชำนาญและประสบการณ์ยาวนาน ในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาที่ทำการของสาขา เพื่อประหยัดค่าไฟฟ้า รวมถึงขยายความร่วมมือทางธุรกิจในการติดตั้งและให้บริการสินเชื่อ Solar Rooftop ให้กับลูกค้าทั้งที่เป็นสถานประกอบการและที่พักอาศัย

ซึ่งทุกธุรกิจของบริษัทมีการขยายตัวชัดเจน และจะสนับสนุนเป้าหมายรายได้รวมทั้งปีเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปี 2566 ที่ทำรายได้รวมอยู่ที่ 1,380 ล้านบาท ภายใต้ความสามารถในการทำกำไรที่สูงขึ้น โดยเฉพาะจากการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อ ที่มี Yield ที่สูง และ High Margin
SM