จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : รัฐเร่งเบิกจ่ายงบฯแตะ 70% ดัน GDP โต 2.5% หนุนผลงาน IND พร้อมร่วมประมูลงาน
13 มิถุนายน 2567
การเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้ นอกจากภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดี การลงทุนของภาครัฐบาลก็มีส่วนสำคัญมาก โดยเฉพาะการเร่งเบิกจ่ายเงินงบประมาณ เพื่อกระตุ้นลงทุน และสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยให้แตะได้ที่ระดับ 2.5%
เห็นได้จากมุมมองของนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ที่รายงานในการประชุม ครม.เศรษฐกิจ ถึงการกำหนดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปี 67 โดยสิ่งสำคัญที่สุดที่จะกำหนดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 67 คือ การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนให้ได้ตามเป้า ซึ่งรายจ่ายลงทุนปี 67 มียอดทั้งหมด 8.5 แสนล้านบาท ณ วันที่ 7 มิ.ย.67 มีอัตราการเบิกจ่ายแล้ว 38.6% หรือ 3.3 แสนล้านบาท ส่วนที่รอเซ็นสัญญา (รวม Purchase Order: PO) 50.1% หรือ 4.3 แสนล้านบาท
"การที่จะทำให้ GDP ขยายตัวได้ถึง 2.5% นั้น จะต้องมีการเบิกจ่ายได้ถึง 70% ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายให้ได้" รมว.คลัง ระบุ
ขณะที่ KKP Research ประเมินว่า ครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ดีขึ้นกว่าในช่วงครึ่งปีแรก จาก 3 ปัจจัยสนับสนุนสำคัญ คือ
1) การเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้า และจะเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางปี จะส่งผลบวกต่อตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจชั่วคราว โดยการลงทุนภาครัฐในช่วงที่ผ่านมาหดตัวลงประมาณ 20% ในไตรมาส 4 ปี 2566 และ 30% ในไตรมาส 1 ปี 2567 การใช้จ่ายที่จะกลับมาเป็นปกติจะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ดีขึ้นจากปัจจัยด้านฐานต่ำ
2) ภาคการผลิตบางส่วนฟื้นตัวได้ ตามวัฏจักรสินค้าคงคลังที่ทยอยปรับตัวลดลง เช่น การผลิตอาหาร โดยในภาพรวมการส่งออกไทยยังฟื้นตัวได้ในระดับต่ำ
3) จำนวนนักท่องเที่ยวและการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น โดยคาดการณ์นักท่องเที่ยวที่ 35.2 ล้านคน จาก 28 ล้านคนในปีก่อน
การลงทุนภาครัฐเริ่มมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนในครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะเมื่อพรบ.งบประมาณ ได้ผ่านความเห็นชอบ ส่งผลดีต่อธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (IND) “ดร.พรลภัส ณ ลำพูน” เชื่อมั่นว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างในครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวจากการที่รัฐบาลขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยผลักดันให้มีงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ออกมา
รวมทั้งโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานอื่นๆ ที่ยังมีแนวโน้มขยายตัว ทำให้เห็นสัญญาณบวกที่ส่งผลดีต่อธุรกิจ ซึ่งปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ไม่ต่ำกว่า 15% เทียบกับปีที่ผ่านมา
ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่า ด้วยประสบการณ์งานด้านวิศวกรรมที่ปรึกษา และออกแบบพร้อมก่อสร้างในการลงทุนโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่มีมายาวนานกว่า40ปี เป็นที่ยอมรับและได้รับความเชื่อถือจากหน่วยงานต่างๆ จากภาครัฐและเอกชน ทำให้สามารถคว้างานโครงการต่างๆ ได้ต่อเนื่อง ทำให้มีมูลค่างานในมือเพิ่มมากขึ้นและส่งผลให้ผลการดำเนินงานเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทฯ ยังคงเข้าร่วมประมูลโครงการพร้อมทั้งเตรียมศึกษาธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับธุรกิจพลังงานสะอาด เพื่อเพิ่มช่องทางตลาดใหม่เพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ รวมถึงรายได้ กำไรให้เติบโตอย่างยั่งยืน
เห็นได้จากมุมมองของนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ที่รายงานในการประชุม ครม.เศรษฐกิจ ถึงการกำหนดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปี 67 โดยสิ่งสำคัญที่สุดที่จะกำหนดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 67 คือ การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนให้ได้ตามเป้า ซึ่งรายจ่ายลงทุนปี 67 มียอดทั้งหมด 8.5 แสนล้านบาท ณ วันที่ 7 มิ.ย.67 มีอัตราการเบิกจ่ายแล้ว 38.6% หรือ 3.3 แสนล้านบาท ส่วนที่รอเซ็นสัญญา (รวม Purchase Order: PO) 50.1% หรือ 4.3 แสนล้านบาท
"การที่จะทำให้ GDP ขยายตัวได้ถึง 2.5% นั้น จะต้องมีการเบิกจ่ายได้ถึง 70% ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายให้ได้" รมว.คลัง ระบุ
ขณะที่ KKP Research ประเมินว่า ครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ดีขึ้นกว่าในช่วงครึ่งปีแรก จาก 3 ปัจจัยสนับสนุนสำคัญ คือ
1) การเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้า และจะเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางปี จะส่งผลบวกต่อตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจชั่วคราว โดยการลงทุนภาครัฐในช่วงที่ผ่านมาหดตัวลงประมาณ 20% ในไตรมาส 4 ปี 2566 และ 30% ในไตรมาส 1 ปี 2567 การใช้จ่ายที่จะกลับมาเป็นปกติจะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ดีขึ้นจากปัจจัยด้านฐานต่ำ
2) ภาคการผลิตบางส่วนฟื้นตัวได้ ตามวัฏจักรสินค้าคงคลังที่ทยอยปรับตัวลดลง เช่น การผลิตอาหาร โดยในภาพรวมการส่งออกไทยยังฟื้นตัวได้ในระดับต่ำ
3) จำนวนนักท่องเที่ยวและการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น โดยคาดการณ์นักท่องเที่ยวที่ 35.2 ล้านคน จาก 28 ล้านคนในปีก่อน
การลงทุนภาครัฐเริ่มมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนในครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะเมื่อพรบ.งบประมาณ ได้ผ่านความเห็นชอบ ส่งผลดีต่อธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (IND) “ดร.พรลภัส ณ ลำพูน” เชื่อมั่นว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างในครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวจากการที่รัฐบาลขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยผลักดันให้มีงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ออกมา
รวมทั้งโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานอื่นๆ ที่ยังมีแนวโน้มขยายตัว ทำให้เห็นสัญญาณบวกที่ส่งผลดีต่อธุรกิจ ซึ่งปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ไม่ต่ำกว่า 15% เทียบกับปีที่ผ่านมา
ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่า ด้วยประสบการณ์งานด้านวิศวกรรมที่ปรึกษา และออกแบบพร้อมก่อสร้างในการลงทุนโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่มีมายาวนานกว่า40ปี เป็นที่ยอมรับและได้รับความเชื่อถือจากหน่วยงานต่างๆ จากภาครัฐและเอกชน ทำให้สามารถคว้างานโครงการต่างๆ ได้ต่อเนื่อง ทำให้มีมูลค่างานในมือเพิ่มมากขึ้นและส่งผลให้ผลการดำเนินงานเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทฯ ยังคงเข้าร่วมประมูลโครงการพร้อมทั้งเตรียมศึกษาธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับธุรกิจพลังงานสะอาด เพื่อเพิ่มช่องทางตลาดใหม่เพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ รวมถึงรายได้ กำไรให้เติบโตอย่างยั่งยืน