บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิตตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับปี 2566 โต 10% เบี้ยรวม 3.77 หมื่นล้านบาท ด้วยกลยุทธ์ตอบโจทย์ทุกความต้องการลูกค้า ขณะที่ผลงานปี 65 เติบโตแกร่งถึง 15% แตะ 7,000 ล้านบาท
มร.โทมัส วิลสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า ในปี 2566 ถือเป็นปีแห่งโอกาสที่เราจะนำเอาแนวทางการทำงานตามกลยุทธ์ Strategy 2025 ที่ได้สร้างความสำเร็จมาแล้ว มาต่อยอดการทำงานเพื่อสร้างอัตราเร่งของการเติบโตไปอีกขึ้น โดยยังคงยึดกรอบการทำงานบน 4 เสาหลักสำคัญ ได้แก่
Faster Growth – สร้างการเติบโตแบบเร่งรัด โดย ช่องทางตัวแทนยังคงเป็นช่องทางหลักในการสร้างเบี้ยประกันภัยรับปีแรกรายปี (ANP) และกำไร โดยปีนี้ บริษัทจะต่อยอดจากโปรแกรมที่เน้นการเติบโต ใช้การแข่งขัน กิจกรรมที่สร้างความท้าทายใหม่ๆในการทำงาน ซึ่งได้พิสูจน์มาแล้วว่าช่วยกระตุ้นการสร้างยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ Elite Program, The Master Financial Advisors ซึ่งได้สร้างตัวแทนใหม่มากถึงกว่า 7,000 คน และสามารถกระตุ้นยอดขายผลิตภัณฑ์ยูนิตลิงก์ให้เติบโตได้มากถึง 114% โดยในปีนี้ ทางบริษัทฯ ได้ทำการเปิดตัว โปรแกรมใหม่ The Franchise Builder มุ่งผลักดันสร้างตัวแทนระดับผู้บริหารให้เพิ่มจำนวนยิ่งขึ้น
Product Leadership – มุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ และครอบคลุมทุกความต้องการคุ้มครองสุขภาพของลูกค้าทุกกลุ่ม อีกทั้งวางแผนเติบโตพอร์ทประกันควบการลงทุน (Unit-linked) อย่างต่อเนื่อง
Operating Profit – ประกอบไปด้วยการสร้างวินัยในการใช้จ่าย พร้อมหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ โดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อจัดกลุ่มลูกค้าตาม segment ต่างๆ เพื่อจะได้มอบผลิตภัณฑ์และความคุ้มครองที่สร้างมาให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างแม่นยำ พร้อมตัวแทนมืออาชีพดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด
Franchise Health – อลิอันซ์ อยุธยา ให้ความสำคัญในเรื่องการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และการสร้างความผูกพันธ์ระหว่างพนักงานกับองค์กร โดยเราได้รับคะแนน NPS Score ซึ่งเป็นคะแนนในด้านความพึงพอใจของลูกค้าเป็นอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 และได้คะแนน AES Score ซึ่งเป็นคะแนนในด้านความผูกพันธ์ของพนักงานต่อองค์กร สูงเป็นอันดับ 2 จากบริษัทในเครืออลิอันซ์ทั่วโลก
“ในปี 2566 นี้ เรามั่นใจว่าจะสามารถผลักดันให้ อลิอันซ์ อยุธยา สามารถเติบโตธุรกิจในประเทศไทยได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เป็นแบรนด์ประกันอันดับหนึ่งในใจลูกค้ารวมทั้งสร้างความผูกพันกับพนักงาน พร้อมพิชิตยอดเบี้ยประกันรับรวม 3.77 หมื่นล้านบาท เบี้ยประกันภัยรับปีแรก 7.7 พันล้านบาท ก้าวสู่การเป็นผู้นำบริษัทประกันชีวิตและสุขภาพของไทยได้อย่างมั่นคง” มร.โทมัส กล่าว
ขณะที่ปี 2565 ที่ผ่านมา อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ทุกช่องทางการขายทำผลงานน่าพอใจเป็นอย่างยิ่งทำให้ผลการดำเนินธุรกิจในภาพรวมเติบโตสูงเหนือตลาด โดยเบี้ยประกันภัยรับปีแรกรายปี (ANP) เติบโตถึง 15% อยู่ที่ 7 พันล้านบาท มาจากช่องทางตัวแทน 2.9 พันล้านบาท เติบโต 25% ช่องทางขายผ่านธนาคาร 2.7 พันล้านบาท เติบโต 17% และช่องทางอื่นๆ อาทิ ช่องทางขายตรงและประกันกลุ่มอีกประมาณ 1.6 พันล้านบาท ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้เบี้ยประกันภัยรับรวม (GWP) เติบโต 7% อยู่ที่ 3.43 หมื่นล้านบาท ในขณะที่ตลาดเติบโตติดลบ 1% (จากตัวเลขถึงเดือนพ.ย. 2565) ในด้านการขายผลิตภัณฑ์ ประกันสุขภาพยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นที่สุด มีการเติบโตต่อเนื่อง โดยปีที่ผ่านมาเบี้ยรับปีแรกของเฉพาะผลิตภัณฑ์สุขภาพเติบโตถึง 11%
นอกจากนั้น อลิอันซ์ อยุธยา ยังได้รับคะแนน NPS Score ที่ใช้วัดความพึงพอใจลูกค้าเป็นอันดับ 1 สูงกว่าค่ากลางของตลาด ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 และได้คะแนน AES Score ที่ใช้วัดความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร สูงเป็นอันดับ 2 จากบริษัทในเครืออลิอันซ์ทั่วโลก สิ่งเหล่านี้ช่วยตอกย้ำว่า อลิอันซ์ อยุธยา เป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญในเรื่องการสร้างความพึงพอใจ และความผูกพันธ์ทั้งในส่วนของลูกค้า และพนักงาน
มร.โทมัส วิลสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า ในปี 2566 ถือเป็นปีแห่งโอกาสที่เราจะนำเอาแนวทางการทำงานตามกลยุทธ์ Strategy 2025 ที่ได้สร้างความสำเร็จมาแล้ว มาต่อยอดการทำงานเพื่อสร้างอัตราเร่งของการเติบโตไปอีกขึ้น โดยยังคงยึดกรอบการทำงานบน 4 เสาหลักสำคัญ ได้แก่
Faster Growth – สร้างการเติบโตแบบเร่งรัด โดย ช่องทางตัวแทนยังคงเป็นช่องทางหลักในการสร้างเบี้ยประกันภัยรับปีแรกรายปี (ANP) และกำไร โดยปีนี้ บริษัทจะต่อยอดจากโปรแกรมที่เน้นการเติบโต ใช้การแข่งขัน กิจกรรมที่สร้างความท้าทายใหม่ๆในการทำงาน ซึ่งได้พิสูจน์มาแล้วว่าช่วยกระตุ้นการสร้างยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ Elite Program, The Master Financial Advisors ซึ่งได้สร้างตัวแทนใหม่มากถึงกว่า 7,000 คน และสามารถกระตุ้นยอดขายผลิตภัณฑ์ยูนิตลิงก์ให้เติบโตได้มากถึง 114% โดยในปีนี้ ทางบริษัทฯ ได้ทำการเปิดตัว โปรแกรมใหม่ The Franchise Builder มุ่งผลักดันสร้างตัวแทนระดับผู้บริหารให้เพิ่มจำนวนยิ่งขึ้น
Product Leadership – มุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ และครอบคลุมทุกความต้องการคุ้มครองสุขภาพของลูกค้าทุกกลุ่ม อีกทั้งวางแผนเติบโตพอร์ทประกันควบการลงทุน (Unit-linked) อย่างต่อเนื่อง
Operating Profit – ประกอบไปด้วยการสร้างวินัยในการใช้จ่าย พร้อมหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ โดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อจัดกลุ่มลูกค้าตาม segment ต่างๆ เพื่อจะได้มอบผลิตภัณฑ์และความคุ้มครองที่สร้างมาให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างแม่นยำ พร้อมตัวแทนมืออาชีพดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด
Franchise Health – อลิอันซ์ อยุธยา ให้ความสำคัญในเรื่องการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และการสร้างความผูกพันธ์ระหว่างพนักงานกับองค์กร โดยเราได้รับคะแนน NPS Score ซึ่งเป็นคะแนนในด้านความพึงพอใจของลูกค้าเป็นอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 และได้คะแนน AES Score ซึ่งเป็นคะแนนในด้านความผูกพันธ์ของพนักงานต่อองค์กร สูงเป็นอันดับ 2 จากบริษัทในเครืออลิอันซ์ทั่วโลก
“ในปี 2566 นี้ เรามั่นใจว่าจะสามารถผลักดันให้ อลิอันซ์ อยุธยา สามารถเติบโตธุรกิจในประเทศไทยได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เป็นแบรนด์ประกันอันดับหนึ่งในใจลูกค้ารวมทั้งสร้างความผูกพันกับพนักงาน พร้อมพิชิตยอดเบี้ยประกันรับรวม 3.77 หมื่นล้านบาท เบี้ยประกันภัยรับปีแรก 7.7 พันล้านบาท ก้าวสู่การเป็นผู้นำบริษัทประกันชีวิตและสุขภาพของไทยได้อย่างมั่นคง” มร.โทมัส กล่าว
ขณะที่ปี 2565 ที่ผ่านมา อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ทุกช่องทางการขายทำผลงานน่าพอใจเป็นอย่างยิ่งทำให้ผลการดำเนินธุรกิจในภาพรวมเติบโตสูงเหนือตลาด โดยเบี้ยประกันภัยรับปีแรกรายปี (ANP) เติบโตถึง 15% อยู่ที่ 7 พันล้านบาท มาจากช่องทางตัวแทน 2.9 พันล้านบาท เติบโต 25% ช่องทางขายผ่านธนาคาร 2.7 พันล้านบาท เติบโต 17% และช่องทางอื่นๆ อาทิ ช่องทางขายตรงและประกันกลุ่มอีกประมาณ 1.6 พันล้านบาท ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้เบี้ยประกันภัยรับรวม (GWP) เติบโต 7% อยู่ที่ 3.43 หมื่นล้านบาท ในขณะที่ตลาดเติบโตติดลบ 1% (จากตัวเลขถึงเดือนพ.ย. 2565) ในด้านการขายผลิตภัณฑ์ ประกันสุขภาพยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นที่สุด มีการเติบโตต่อเนื่อง โดยปีที่ผ่านมาเบี้ยรับปีแรกของเฉพาะผลิตภัณฑ์สุขภาพเติบโตถึง 11%
นอกจากนั้น อลิอันซ์ อยุธยา ยังได้รับคะแนน NPS Score ที่ใช้วัดความพึงพอใจลูกค้าเป็นอันดับ 1 สูงกว่าค่ากลางของตลาด ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 และได้คะแนน AES Score ที่ใช้วัดความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร สูงเป็นอันดับ 2 จากบริษัทในเครืออลิอันซ์ทั่วโลก สิ่งเหล่านี้ช่วยตอกย้ำว่า อลิอันซ์ อยุธยา เป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญในเรื่องการสร้างความพึงพอใจ และความผูกพันธ์ทั้งในส่วนของลูกค้า และพนักงาน