Smart Investment
6 เคล็ดลับเฟ้นหาหุ้นพื้นฐานเข้าพอร์ต หลัง SET Index ดิ่งหนักในรอบ 4 ปี ร่วง 100 จุด ต่างชาติขายเฉียดแสนลบ.
16 มิถุนายน 2567
เห็นภาพการไหลลงของดัชนีตลาดหุ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับนักลงทุน ที่คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุน ตัวเลขเงินลงทุนในพอร์ตแดงแจ๋ ไม่ว่าจะเป็นลงทุนในกองทุน LTF RMF SSF หลายคนแทบจะไม่อยากเหลียวหลังแลมอง
ปี 2566 ที่ว่าร้าย...ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงกว่า 252.81 จุด หรือ -15.15% จากที่เคยขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดที่ 1,691.41 จุด ในวันที่ 10 ม.ค.2566 สุดท้ายมาปิดที่ 1,415.85 จุด ต่างชาติขายสุทธิกว่า 1.9 แสนล้านบาท
เข้าสู่ปี 2567 ยังไม่ถึง 6 เดือน ล่าสุดวันที่ 13 มิ.ย. 2567 ปิดที่ระดับ 1,311.78 จุด ลดลงกว่า 104.07 จุด หรือ -7.35% เมื่อเทียบดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปี 2566 ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิกว่า 9.6 หมื่นล้านบาท
ที่ผ่านมากูรูลงทุนหลายสำนักต่างมีมุมมองเป็นเสียงเดียวกันว่า 1,300 น่าจะ “เอาอยู่” เป็นจังหวะสะสมหุ้นพื้นฐานเข้าพอร์ต แล้วหุ้นพื้นฐานเขาพิจารณาจากอะไร สัปดาห์นี้ Mr.Data ช่วยหาคำตอบกับ 6 เคล็ดลับเฟ้นหุ้นพื้นฐานเข้าพอร์ต โดยเริ่มจาก
หลังจากพิจารณาหุ้นพื้นฐานแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาในการ “ซื้อหุ้น” เข้าพอร์ต นักลงทุนควรรอจังหวะที่ราคาหุ้นลดลง เพื่อซื้อในราคาที่คุ้มค่า อดทนลงทุนระยะยาว
ไม่ควรหวั่นไหวกับการเปลี่ยนแปลงราคาในระยะสั้น และกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม ไม่ควรลงทุนทั้งหมดในหุ้นเพียงไม่กี่ตัว ควรกระจายการลงทุนไปยังหุ้นหลายๆ ตัวเพื่อลดความเสี่ยง ขอให้นักลงทุนมีความสุขกับการออมและการลงทุน!!!
ปี 2566 ที่ว่าร้าย...ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงกว่า 252.81 จุด หรือ -15.15% จากที่เคยขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดที่ 1,691.41 จุด ในวันที่ 10 ม.ค.2566 สุดท้ายมาปิดที่ 1,415.85 จุด ต่างชาติขายสุทธิกว่า 1.9 แสนล้านบาท
เข้าสู่ปี 2567 ยังไม่ถึง 6 เดือน ล่าสุดวันที่ 13 มิ.ย. 2567 ปิดที่ระดับ 1,311.78 จุด ลดลงกว่า 104.07 จุด หรือ -7.35% เมื่อเทียบดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปี 2566 ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิกว่า 9.6 หมื่นล้านบาท
ที่ผ่านมากูรูลงทุนหลายสำนักต่างมีมุมมองเป็นเสียงเดียวกันว่า 1,300 น่าจะ “เอาอยู่” เป็นจังหวะสะสมหุ้นพื้นฐานเข้าพอร์ต แล้วหุ้นพื้นฐานเขาพิจารณาจากอะไร สัปดาห์นี้ Mr.Data ช่วยหาคำตอบกับ 6 เคล็ดลับเฟ้นหุ้นพื้นฐานเข้าพอร์ต โดยเริ่มจาก
- ศึกษางบการเงิน เพื่อตรวจสอบว่าบริษัทมีกำไรสม่ำเสมอหรือไม่ รวมถึงการเติบโตของรายได้และกำไร
- ตรวจสอบอัตราส่วนทางการเงิน เช่น ROE (อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น) GPM (อัตรากำไรขั้นต้น) NPM อัตรากำไรสุทธิ
- วิเคราะห์สภาพคล่อง ตรวจสอบว่าบริษัทมีสภาพคล่องที่ดี มีเงินทุนหมุนเวียนดีหรือไม่
- ประเมินความได้เปรียบทางการแข่งขัน ธุรกิจควรมีความได้เปรียบทางด้านการแข่งขันสูง
- หนี้สิน หนี้สินไม่เยอะมาก และมีการจัดการหนี้สินได้ดี
- ผู้บริหาร ควรมีความโปร่งใส และมีประวัติการบริหารที่ดี
หลังจากพิจารณาหุ้นพื้นฐานแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาในการ “ซื้อหุ้น” เข้าพอร์ต นักลงทุนควรรอจังหวะที่ราคาหุ้นลดลง เพื่อซื้อในราคาที่คุ้มค่า อดทนลงทุนระยะยาว
ไม่ควรหวั่นไหวกับการเปลี่ยนแปลงราคาในระยะสั้น และกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม ไม่ควรลงทุนทั้งหมดในหุ้นเพียงไม่กี่ตัว ควรกระจายการลงทุนไปยังหุ้นหลายๆ ตัวเพื่อลดความเสี่ยง ขอให้นักลงทุนมีความสุขกับการออมและการลงทุน!!!