Wealth Sharing

เทียบหมัดต่อหมัด 5 หุ้นใหญ่สุดของไทยกับสหรัฐ


17 มิถุนายน 2567
WS (เว็บ) เทียบหมัดต่อหมัด_0.jpg

เมื่อไม่นานนี้ บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ยักษ์ใหญ่อย่าง Nvidia Corporation ก็ได้สร้างความฮือฮาให้วงการตลาดทุน ด้วยมูลค่าบริษัทตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป) ขึ้นแท่นมาเป็นอันดับ 3 ของตลาดโลกและถือเป็นบริษัทที่ 3 ที่มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปเกิน 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

 
แต่เคยสงสัยหรือไม่ว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดทุนทั่วโลกที่มีมูลค่าสูงที่สุด 5 อันดับแรกจะมีใครบ้าง ในวันนี้ทางสำนักข่าว Share2Trade จึงได้ทำการรวบรวมข้อมูลมาให้ผู้อ่านและนักลงทุนได้ชมกัน ควบคู่กับผู้นำ 5 บริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย

โดยเริ่มที่กันเบอร์ 1 ของโลกคือ Apple Inc. หรือ AAPL ประกอบธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ และบริการ App Store, iCloud มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 3.285 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และราคาหุ้นอยู่ที่ 214.24 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ณ วันที่ 13 มิ.ย.67) ซึ่งในปี 2566 มีรายได้อยู่ที่ 3.85 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และกำไรสุทธิ 1.21 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ในฝั่งของบริษัทจดทะเบียนไทยคือ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบกำลังไฟฟ้าและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 9.79 แสนล้านบาท และราคาหุ้นที่ 78.50 บาท (ณ วันที่ 13 มิ.ย.67) โดยในปี 2566 มีรายได้อยู่ที่ 1.47 แสนล้านบาท และกำไรสุทธิ 1.84 หมื่นล้านบาท

ถัดมาที่อันดับ 2 ของโลก Microsoft Corp หรือ MSFT ที่เป็นผู้ผลิตและพัฒนาซอฟท์แวร์ของโลก เช่น ระบบปฏิบัติการ Windows, Microsoft Office มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 3.281 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และราคาหุ้นอยู่ที่ 441.58ดอลลาร์สหรัฐฯ (ณ วันที่ 13 มิ.ย.67) ซึ่งในปี 2566 มีรายได้อยู่ที่ 2.27 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และกำไรสุทธิ 1.01 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ส่วนของไทย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ประกอบธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจที่ลงทุนผ่านบริษัทย่อย มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 9.06 แสนล้านบาท และราคาหุ้นที่ 31.75 บาท (ณ วันที่ 13 มิ.ย.67) โดยในปี 2566 มีรายได้อยู่ที่ 3.18 ล้านล้านบาท และกำไรสุทธิ 1.12 แสนล้านบาท

อันดับที่ 3 ของโลก Nvidia Corporation หรือ NVDA ผู้ผลิตชิป GPU หรือ การ์ดจอคอมพิวเตอร์รายหลักของโลก มูลค่ามาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 3.188 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และราคาหุ้นอยู่ที่ 129.61 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ณ วันที่ 13 มิ.ย.67) ซึ่งในปี 2566 มีรายได้อยู่ที่ 6.09 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และกำไรสุทธิ 3.40 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ขณะที่ของไทย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ประกอบธุรกิจจัดการ การดำเนินงาน และการพัฒนาท่าอากาศยาน มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 8.57 แสนล้านบาท และราคาหุ้นที่ 60 บาท (ณ วันที่ 13 มิ.ย.67) โดยในปี 2566 มีรายได้อยู่ที่ 4.84 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิ 8.79 พันล้านบาท

ต่อมาที่อันดับ 4 ของโลก ก็คือ Alphabet Inc. หรือ GOOG บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกที่มีผลิตภัณฑ์และบริการ เช่น Google Search Engine, Gmail, Google Maps, YouTube มูลค่ามาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 2.172 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และราคาหุ้นอยู่ที่ 176.74 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ณ วันที่ 13 มิ.ย. 67) ซึ่งในปี 2566 มีรายได้อยู่ที่ 3.07 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และกำไรสุทธิ 8.50 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ส่วนของไทยเป็น บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ผู้ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคม โทรศัพท์เคลื่อนที่ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และธุรกิจดิจิทัล เซอร์วิส มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 6.21 แสนล้านบาท และราคาหุ้นที่ 209 บาท (ณ วันที่ 13 มิ.ย.67) โดยในปี 2566 มีรายได้อยู่ที่ 1.89 แสนล้านบาท และกำไรสุทธิ 2.90 หมื่นล้านบาท

และสุดท้ายอันดับ 5 ของโลก Amazon.com, Inc. หรือ AMZN ประกอบธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ไปจนถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และซอฟต์แวร์ และบริการด้าน Cloud Computing มูลค่ามาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 1.913 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และราคาหุ้นอยู่ที่ 183.83 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ณ วันที่ 13 มิ.ย. 67) ซึ่งในปี 2566 มีรายได้อยู่ที่ 5.74 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และกำไรสุทธิ 4.03 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ขณะที่ฝั่งของไทยคือ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ซึ่งเป็นผู้สำรวจและผลิตปิโตรเลียมทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 5.97 แสนล้านบาท และราคาหุ้นที่ 150.50 บาท (ณ วันที่ 13 มิ.ย.67) โดยในปี 2566 มีรายได้อยู่ที่ 3.13 แสนล้านบาท และกำไรสุทธิ 7.67 หมื่นล้านบาท


เทียบหมัดต่อหมัด-01_0.jpg