กระดานข่าว
Binance TH ประกาศลิสต์เหรียญใหม่ ขึ้นแท่นแพลตฟอร์มที่มีเหรียญให้บริการมากสุดในไทยกว่า 180 เหรียญ
19 มิถุนายน 2567
กรุงเทพฯ (19 มิถุนายน 2567) – จากความมุ่งมั่นของบริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ (Gulf Binance) จำกัด ในการผลักดันแพลตฟอร์ม ไบแนนซ์ ทีเอช บาย กัลฟ์ ไบแนนซ์ (Binance TH by Gulf Binance) แพลตฟอร์มศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำในประเทศไทย ให้เป็นแพลตฟอร์มที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการด้านการลงทุนของลูกค้าชาวไทยได้อย่างรอบด้าน ล่าสุด Binance TH by Gulf Binance ได้เปิดตัวเหรียญใหม่ ประกอบไปด้วยเหรียญยอดนิยมอย่าง BNB XRP RNDR PEPE LTC และเหรียญอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้แพลต์ฟอร์ม Binance TH by Gulf Binance กลายมาเป็นแพลตฟอร์มที่มีเหรียญให้บริการมากที่สุดในประเทศไทยกว่า 180 เหรียญ ครอบคลุมกว่า 13 หมวดหมู่ โดยผู้ที่สนใจสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญดังกล่าวบนแพลตฟอร์ม Binance TH by Gulf Binance ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
นายนิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ กล่าวว่า “จากเสียงเรียกร้องของผู้ใช้งาน และความสนใจในสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีเพิ่มมากขึ้น ทำให้ กัลฟ์ ไบแนนซ์ พยายามเฟ้นหาเหรียญใหม่ที่สามารถรองรับความต้องการที่หลากหลายของทุกคนได้อย่างดีที่สุด ซึ่งที่ผ่านมา เราได้สังเกตเห็นว่านอกจากที่ผู้ใช้งานจะสนใจเหรียญหลัก อย่าง Bitcoin Ethereum หรือ Solana แล้ว พวกเขายังคงมองหาตัวเลือกเหรียญใหม่ในโครงการบล็อกเชนอื่นๆ ที่กำลังอยู่ในกระแสด้วยเช่นกัน ดังนั้น ในวันนี้ เราจึงได้คัดสรรคู่เหรียญใหม่เพิ่มเติมลงบนแพลตฟอร์ม Binance TH by Gulf Binance มาตลอด ซึ่งจะเป็นการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้กับผู้ใช้ได้อีกขั้น โดยจากการเปิดตัวเหรียญใหม่ในวันนี้ จะทำให้แพลตฟอร์ม Binance TH ยังคงครองตำแหน่งศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยที่มีบริการคู่เหรียญมากที่สุดถึง 180 คู่เหรียญ”
โดยปัจจุบัน เหรียญที่เปิดให้บริการบนแพลตฟอร์ม Binance TH By Gulf Binance สามารถแบ่งออกเป็น 13 หมวดหมู่ ได้แก่ Layer 1 / Layer 2, Stablecoin, Storage, Metaverse, DeFi, Fan Token, Oracle, Meme, AI+DePin, Name Service, Launchpool, GameFi, และ POW (Proof-of-Work) ซึ่งครอบคลุมและตอบโจทย์ทุกความต้องการให้กับเหล่านักลงทุนทุกคนได้อย่างครบครัน
สำหรับอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศไทยในปีที่ผ่านมา ได้มีการเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทั้งในด้านเทคโนโลยี ไปจนถึงด้านกรอบการกำกับดูแลโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต) โดยตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยมีความโดดเด่นชัดเจนเมื่อเทียบกับตลาดคริปโตทั่วโลก ด้วยดัชนีการยอมรับการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลจาก Chainalysis ที่เผยว่า ประเทศไทยมีอัตราการยอมรับการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลสูงเป็นอันดับ 10 ของโลก
“กัลฟ์ ไบแนนซ์ ตั้งใจที่จะเดินหน้าสานต่อวิสัยทัศน์ในการผลักดันให้เกิดการยอมรับการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย ผ่านการใช้นวัตกรรม พร้อมมุ่งมั่นยกระดับประสบการณ์การซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลของผู้ใช้ชาวไทย ด้วยการนำเสนอคู่เหรียญที่หลากหลาย และฟีเจอร์การใช้งานที่ล้ำสมัย ร่วมไปกับการส่งเสริมความรู้ และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลและบล็อกเชน ผ่านโครงการริเริ่มด้านการศึกษาที่เน้นผู้ใช้เป็นสำคัญบน Binance Academy รวมถึงการสร้างความปลอดภัยและความไว้วางใจเพื่อให้อุตสาหกรรมคริปโตเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป” นายนิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ กล่าว
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Binance TH by Gulf Binance, Twitter: Binance TH และ Facebook: Binance TH
นายนิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ กล่าวว่า “จากเสียงเรียกร้องของผู้ใช้งาน และความสนใจในสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีเพิ่มมากขึ้น ทำให้ กัลฟ์ ไบแนนซ์ พยายามเฟ้นหาเหรียญใหม่ที่สามารถรองรับความต้องการที่หลากหลายของทุกคนได้อย่างดีที่สุด ซึ่งที่ผ่านมา เราได้สังเกตเห็นว่านอกจากที่ผู้ใช้งานจะสนใจเหรียญหลัก อย่าง Bitcoin Ethereum หรือ Solana แล้ว พวกเขายังคงมองหาตัวเลือกเหรียญใหม่ในโครงการบล็อกเชนอื่นๆ ที่กำลังอยู่ในกระแสด้วยเช่นกัน ดังนั้น ในวันนี้ เราจึงได้คัดสรรคู่เหรียญใหม่เพิ่มเติมลงบนแพลตฟอร์ม Binance TH by Gulf Binance มาตลอด ซึ่งจะเป็นการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้กับผู้ใช้ได้อีกขั้น โดยจากการเปิดตัวเหรียญใหม่ในวันนี้ จะทำให้แพลตฟอร์ม Binance TH ยังคงครองตำแหน่งศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยที่มีบริการคู่เหรียญมากที่สุดถึง 180 คู่เหรียญ”
โดยปัจจุบัน เหรียญที่เปิดให้บริการบนแพลตฟอร์ม Binance TH By Gulf Binance สามารถแบ่งออกเป็น 13 หมวดหมู่ ได้แก่ Layer 1 / Layer 2, Stablecoin, Storage, Metaverse, DeFi, Fan Token, Oracle, Meme, AI+DePin, Name Service, Launchpool, GameFi, และ POW (Proof-of-Work) ซึ่งครอบคลุมและตอบโจทย์ทุกความต้องการให้กับเหล่านักลงทุนทุกคนได้อย่างครบครัน
สำหรับอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศไทยในปีที่ผ่านมา ได้มีการเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทั้งในด้านเทคโนโลยี ไปจนถึงด้านกรอบการกำกับดูแลโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต) โดยตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยมีความโดดเด่นชัดเจนเมื่อเทียบกับตลาดคริปโตทั่วโลก ด้วยดัชนีการยอมรับการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลจาก Chainalysis ที่เผยว่า ประเทศไทยมีอัตราการยอมรับการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลสูงเป็นอันดับ 10 ของโลก
“กัลฟ์ ไบแนนซ์ ตั้งใจที่จะเดินหน้าสานต่อวิสัยทัศน์ในการผลักดันให้เกิดการยอมรับการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย ผ่านการใช้นวัตกรรม พร้อมมุ่งมั่นยกระดับประสบการณ์การซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลของผู้ใช้ชาวไทย ด้วยการนำเสนอคู่เหรียญที่หลากหลาย และฟีเจอร์การใช้งานที่ล้ำสมัย ร่วมไปกับการส่งเสริมความรู้ และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลและบล็อกเชน ผ่านโครงการริเริ่มด้านการศึกษาที่เน้นผู้ใช้เป็นสำคัญบน Binance Academy รวมถึงการสร้างความปลอดภัยและความไว้วางใจเพื่อให้อุตสาหกรรมคริปโตเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป” นายนิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ กล่าว
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Binance TH by Gulf Binance, Twitter: Binance TH และ Facebook: Binance TH