กระดานข่าว
ยูโอบี ประเทศไทย เปิดตัวผลิตภัณฑ์เงินฝากสีเขียว สำหรับลูกค้าองค์กรและลูกค้าสถาบันรายใหญ่
21 มิถุนายน 2567
กรุงเทพฯ, 21 มิถุนายน 2567 - ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เปิดตัวผลิตภัณฑ์เงินฝากสีเขียว (Green Term Deposit) ในสกุลเงินบาท สกุลเงินเหรียญสิงคโปร์ และสกุลเงินเหรียญสหรัฐ เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าองค์กรและลูกค้าสถาบันรายใหญ่มีส่วนร่วมในโครงการที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาที่ยั่งยืน

เงินฝากที่ธนาคารยูโอบีได้รับจากลูกค้าจะถูกนำไปใช้สนับสนุนสินเชื่อสีเขียวสำหรับกิจกรรมและสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ด้าน ESG ภายใต้กรอบแนวคิดการให้สินเชื่อเพื่อความยั่งยืนของธนาคาร (Sustainable Finance Framework) ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN SGDs) เช่น สินเชื่อเพื่ออาคารสีเขียว สินเชื่อเพื่อเมืองอัจฉริยะซึ่งรวมถึงเรื่องการประหยัดพลังงานและการใช้พลังงานหมุนเวียน และสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจหมุนเวียน เป็นต้น
องค์กรที่ใช้บริการผลิตภัณฑ์เงินฝากประเภทนี้นอกจากจะได้รับดอกเบี้ยเงินฝากแล้ว ยังมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพัฒนาการเติบโตที่ยังยืน โดยธนาคารจะจัดส่งรายงานเงินฝากสีเขียวประจำปี ที่รวบรวมข้อมูล และผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม จากโครงการด้านความยั่งยืนที่ได้รับการอนุมัติของธนาคาร เช่น ข้อมูลการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เทียบเท่ากับจำนวนต้นไม้ที่ปลูก และจำนวนปริมาณการใช้รถยนต์ที่ลดลงในแต่ละปี ซึ่งบริษัทสามารถนำข้อมูลจากรายงานฉบับนี้ไปเป็นส่วนหนึ่งของการจัดทำรายงานด้านความยั่งยืน เพื่อตอกย้ำถึงความโปร่งใสและความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลของบริษัท
นางพณิตตรา เวชชาชีวะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ Financial Institutions และ ESG Solutions กล่าวว่า “ความยั่งยืนเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของยูโอบีในการดำเนินธุรกิจ เราจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์บัญชีเงินฝากสีเขียว (Green Term Deposit) ที่ช่วยเปิดโอกาสให้ธุรกิจมีส่วนในการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน และได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งธุรกิจสามารถมั่นใจได้ว่าโครงการต่างๆ ที่ธนาคารให้สินเชื่อจะอยู่ภายใต้กรอบแนวคิดการให้สินเชื่อเพื่อความยั่งยืนของธนาคาร ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นไปตามมาตรฐานความยั่งยืนระดับสากล”
บริษัท อาร์เซลิก ฮิตาชิ โฮม แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (อาร์เซลิก) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่เริ่มใช้บริการผลิตภัณฑ์บัญชีเงินฝากสีเขียวของธนาคารยูโอบี ในประเทศไทย
นายอูมุท ออซซอส กรรมการบริหารฝ่ายการเงินและบัญชี กลุ่มบริษัทอาร์เซลิก ฮิตาชิ โฮม แอพพลายแอนซ์ และ บริษัท อาร์เซลิก ฮิตาชิ โฮม แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “บริษัทมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับมาตราฐานระดับโลกและหลักการดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล บริษัทมีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (net zero) ภายในปี 2593 เราจึงมีการดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจของเรา โดยการเปิดบัญชีเงินฝากสีเขียวกับยูโอบีช่วยให้เรามีส่วนร่วมในการสนับสนุนการทำธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น”
นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บลจ.เอ็มเอฟซีเล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นอย่างมาก เพราะความยั่งยืนส่งผลต่อวิธีการดำเนินธุรกิจของบริษัทต่างๆ ในปัจจุบัน และเราในฐานะผู้ลงทุนสามารถมีบทบาทในการขับเคลื่อนการลงทุนที่เกี่ยวกับความยั่งยืน เราเลือกเปิดบัญชีเงินฝากสีเขียวกับธนาคารยูโอบี เพราะธนาคารยูโอบีมีกรอบแนวคิดการให้สินเชื่อเพื่อความยั่งยืนที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เรามั่นใจว่าเงินลงทุนของเราจะถูกนำไปปล่อยสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนที่เป็นไปตามมาตรฐานด้าน ESG และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางด้านความยั่งยืนของธนาคาร และกรอบแนวคิดการเข้าถึงเงินทุนที่ยั่งยืนได้ที่หน้าการบริการทางการเงินเพื่อความยั่งยืน บนเว็บไซต์ของธนาคาร

เงินฝากที่ธนาคารยูโอบีได้รับจากลูกค้าจะถูกนำไปใช้สนับสนุนสินเชื่อสีเขียวสำหรับกิจกรรมและสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ด้าน ESG ภายใต้กรอบแนวคิดการให้สินเชื่อเพื่อความยั่งยืนของธนาคาร (Sustainable Finance Framework) ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN SGDs) เช่น สินเชื่อเพื่ออาคารสีเขียว สินเชื่อเพื่อเมืองอัจฉริยะซึ่งรวมถึงเรื่องการประหยัดพลังงานและการใช้พลังงานหมุนเวียน และสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจหมุนเวียน เป็นต้น
องค์กรที่ใช้บริการผลิตภัณฑ์เงินฝากประเภทนี้นอกจากจะได้รับดอกเบี้ยเงินฝากแล้ว ยังมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพัฒนาการเติบโตที่ยังยืน โดยธนาคารจะจัดส่งรายงานเงินฝากสีเขียวประจำปี ที่รวบรวมข้อมูล และผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม จากโครงการด้านความยั่งยืนที่ได้รับการอนุมัติของธนาคาร เช่น ข้อมูลการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เทียบเท่ากับจำนวนต้นไม้ที่ปลูก และจำนวนปริมาณการใช้รถยนต์ที่ลดลงในแต่ละปี ซึ่งบริษัทสามารถนำข้อมูลจากรายงานฉบับนี้ไปเป็นส่วนหนึ่งของการจัดทำรายงานด้านความยั่งยืน เพื่อตอกย้ำถึงความโปร่งใสและความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลของบริษัท
นางพณิตตรา เวชชาชีวะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ Financial Institutions และ ESG Solutions กล่าวว่า “ความยั่งยืนเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของยูโอบีในการดำเนินธุรกิจ เราจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์บัญชีเงินฝากสีเขียว (Green Term Deposit) ที่ช่วยเปิดโอกาสให้ธุรกิจมีส่วนในการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน และได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งธุรกิจสามารถมั่นใจได้ว่าโครงการต่างๆ ที่ธนาคารให้สินเชื่อจะอยู่ภายใต้กรอบแนวคิดการให้สินเชื่อเพื่อความยั่งยืนของธนาคาร ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นไปตามมาตรฐานความยั่งยืนระดับสากล”
บริษัท อาร์เซลิก ฮิตาชิ โฮม แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (อาร์เซลิก) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่เริ่มใช้บริการผลิตภัณฑ์บัญชีเงินฝากสีเขียวของธนาคารยูโอบี ในประเทศไทย
นายอูมุท ออซซอส กรรมการบริหารฝ่ายการเงินและบัญชี กลุ่มบริษัทอาร์เซลิก ฮิตาชิ โฮม แอพพลายแอนซ์ และ บริษัท อาร์เซลิก ฮิตาชิ โฮม แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “บริษัทมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับมาตราฐานระดับโลกและหลักการดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล บริษัทมีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (net zero) ภายในปี 2593 เราจึงมีการดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจของเรา โดยการเปิดบัญชีเงินฝากสีเขียวกับยูโอบีช่วยให้เรามีส่วนร่วมในการสนับสนุนการทำธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น”
นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บลจ.เอ็มเอฟซีเล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นอย่างมาก เพราะความยั่งยืนส่งผลต่อวิธีการดำเนินธุรกิจของบริษัทต่างๆ ในปัจจุบัน และเราในฐานะผู้ลงทุนสามารถมีบทบาทในการขับเคลื่อนการลงทุนที่เกี่ยวกับความยั่งยืน เราเลือกเปิดบัญชีเงินฝากสีเขียวกับธนาคารยูโอบี เพราะธนาคารยูโอบีมีกรอบแนวคิดการให้สินเชื่อเพื่อความยั่งยืนที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เรามั่นใจว่าเงินลงทุนของเราจะถูกนำไปปล่อยสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนที่เป็นไปตามมาตรฐานด้าน ESG และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางด้านความยั่งยืนของธนาคาร และกรอบแนวคิดการเข้าถึงเงินทุนที่ยั่งยืนได้ที่หน้าการบริการทางการเงินเพื่อความยั่งยืน บนเว็บไซต์ของธนาคาร
ยอดนิยม

VIH ซื้อหุ้นคืน 26.66 ล้านหุ้น ใช้เงินสดส่วนเกิน ยืนยันไม่เกี่ยวเงินเพิ่มทุน สาเหตุราคาหุ้นไม่สะท้อนปัจจัยพื้นฐาน ตั้งเป้าทำนิวไฮใหม่ปีนี้

13 มีนาคมนี้!!! ผู้ถือหุ้น MC รับเงินปันผลบานฉ่ำ !!!
.jpg)
“นิปปอนเพนต์” ก้าวล้ำวงการสีด้วยพลัง AI! ส่งสุดยอดแพ็กคู่โซลูชัน “น้องนิปปอน” และ “Colour Design”

เบเยอร์ เขย่าวงการธุรกิจสีทาอาคาร สำเร็จเจ้าแรก! ใช้เทคโนโลยีล้ำ AI OCR อ่านบิลเขียนมือได้ รันแคมเปญใหญ่ "ลดเดือดรับ Summer แจกไม่ยั้ง!"
