Wealth Sharing
หวัง 1,400 จุดอีกครั้ง โบรกฯ คาดกองทุน TESG ใหม่ หนุนเงินสะพัดกว่า 3-5 หมื่นลบ. ดัน SET พุ่ง 80 จุด
25 มิถุนายน 2567
ภาพรวมตลาดหุ้นไทยดูเริ่มมีความหวังมากขึ้น หลังจากทางการได้ออกมาตรการขับเคลื่อนตลาดทุนออกมา ซึ่งโบรกเกอร์ส่วนใหญ่คาดว่าจะช่วยเพิ่มเม็ดเงินไหลเข้าและสามารถดันดัชนีหุ้นไทยให้ได้เห็นระดับ 1,400 จุดอีกครั้ง
![WS (เว็บ)_หวัง 1,400 จุดอีกครั้ง copy_0.jpg](https://www.share2trade.com/storage/News%20Today/2024/250624/WS%20%28%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B9%87%E0%B8%9A%29_%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%201%2C400%20%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%20copy_0.jpg)
บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ประเมินว่า SET Index คาดขยับกรอบขึ้นต่อ ตามกรอบ 1,310-1,330 จุด แรงหนุนหลักวันนี้จากการตีความแผนขับเคลื่อนตลาดทุนของ รมว.คลัง – ก.ล.ต. – ตลท. ซึ่งจุดที่สนใจอยู่ที่การออกมาตรการ TESG ใหม่ ที่ระยะเวลาการลงทุนอยู่ที่ 5 ปีนับจากวันที่ซื้อ (จาก TESG เดิมถือครอง 8 ปีวันที่ซื้อ) และขยายวงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุด 3 แสนบาท (จาก TESG เดิม 1 แสนบาท) มีผล 2567-69
โดยระยะถัดไปคลังเตรียมเสนอ ครม. อนุมัติภายใน 2 สัปดาห์ โดยเรามองเป็นบวกต่อมาตรการ TESG ใหม่นี้ โดยเฉพาะประเด็นการลดระยะเวลาการถือครองที่สั้นลง โดยเราคาดเม็ดเงินจะเข้ากอง TESG ใหม่อยู่ในช่วง 3-5 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดจะเป็นปัจจัยหนุนต่อ SET Index ได้ในช่วง 5-8%
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินว่า คาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways to Sideways Up ในกรอบ 1,310-1,330 จุด และมีโอกาสกลับมาแข็งแกร่งกว่าภูมิภาคได้ต่อเนื่อง โดยตลาดฝั่งเอเชียตะวันออกถูกกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีตาม Nvidia ที่มีราคาหุ้นปรับตัวลงแรง
รวมถึงภาพรวมต่างประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่ชัดเจนเข้ามากระตุ้น ส่วนปัจจัยที่หนุนตลาดหุ้นไทยในระยะนี้คือมาตรการขับเคลื่อนตลาดทุนที่จะยกระดับการลงทุนในกองทุน TESG โดยปรับเพิ่มวงเงินลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีจาก 1 แสนบาทเป็น 3 แสนบาท และลดระยะเวลาถือครองลงจาก 8 ปีเหลือ 5 ปี รวมถึงขยาย Universe ในแง่จำนวนหุ้นในการเข้าลงทุน โดยรวมภาครัฐคาดหวังเห็นเม็ดเงินลงทุนราว 3 หมื่นลบ. ซึ่งเชื่อว่าอาจช่วยดัชนีได้ระดับ 75-80 จุด (ทุก 1 หมื่นลบ.จะกระทบ SET 25-27 จุด) รวมถึงมีแนวคิดจะนำกองทุนวายุภักษ์กลับมาเปิดขายให้ลงทุนอีกครั้ง
ขณะที่ฝั่ง Downside ในเดือน ก.ค. เป็นต้นไปจะจำกัดมากขึ้นจากมาตรการ Uptick ที่จะมีผลบังคับใช้ โดยรวมจึงมองดัชนีมีโอกาสฟื้นตัวระยะสั้น อย่างไรก็ตามปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองโดยเฉพาะคดีนายกฯจะยัง Overhang จนถึงครึ่งหลังของเดือน ก.ค. เป็นอย่างน้อยหากคำวินิจฉัย ซึ่งหากออกมาเป็นบวกคาดจะหนุนให้ดัชนีกลับไปโซนระดับ 1,360-1,400 ได้อีกครั้ง กลยุทธ์ : เลือกหุ้นเป็นรายตัวที่มีแนวโน้มเติบโตแกร่งกว่าตลาดและมี ESG Rating สูง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว
![WS (เว็บ)_หวัง 1,400 จุดอีกครั้ง copy_0.jpg](https://www.share2trade.com/storage/News%20Today/2024/250624/WS%20%28%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B9%87%E0%B8%9A%29_%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%201%2C400%20%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%20copy_0.jpg)
บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ประเมินว่า SET Index คาดขยับกรอบขึ้นต่อ ตามกรอบ 1,310-1,330 จุด แรงหนุนหลักวันนี้จากการตีความแผนขับเคลื่อนตลาดทุนของ รมว.คลัง – ก.ล.ต. – ตลท. ซึ่งจุดที่สนใจอยู่ที่การออกมาตรการ TESG ใหม่ ที่ระยะเวลาการลงทุนอยู่ที่ 5 ปีนับจากวันที่ซื้อ (จาก TESG เดิมถือครอง 8 ปีวันที่ซื้อ) และขยายวงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุด 3 แสนบาท (จาก TESG เดิม 1 แสนบาท) มีผล 2567-69
โดยระยะถัดไปคลังเตรียมเสนอ ครม. อนุมัติภายใน 2 สัปดาห์ โดยเรามองเป็นบวกต่อมาตรการ TESG ใหม่นี้ โดยเฉพาะประเด็นการลดระยะเวลาการถือครองที่สั้นลง โดยเราคาดเม็ดเงินจะเข้ากอง TESG ใหม่อยู่ในช่วง 3-5 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดจะเป็นปัจจัยหนุนต่อ SET Index ได้ในช่วง 5-8%
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินว่า คาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways to Sideways Up ในกรอบ 1,310-1,330 จุด และมีโอกาสกลับมาแข็งแกร่งกว่าภูมิภาคได้ต่อเนื่อง โดยตลาดฝั่งเอเชียตะวันออกถูกกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีตาม Nvidia ที่มีราคาหุ้นปรับตัวลงแรง
รวมถึงภาพรวมต่างประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่ชัดเจนเข้ามากระตุ้น ส่วนปัจจัยที่หนุนตลาดหุ้นไทยในระยะนี้คือมาตรการขับเคลื่อนตลาดทุนที่จะยกระดับการลงทุนในกองทุน TESG โดยปรับเพิ่มวงเงินลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีจาก 1 แสนบาทเป็น 3 แสนบาท และลดระยะเวลาถือครองลงจาก 8 ปีเหลือ 5 ปี รวมถึงขยาย Universe ในแง่จำนวนหุ้นในการเข้าลงทุน โดยรวมภาครัฐคาดหวังเห็นเม็ดเงินลงทุนราว 3 หมื่นลบ. ซึ่งเชื่อว่าอาจช่วยดัชนีได้ระดับ 75-80 จุด (ทุก 1 หมื่นลบ.จะกระทบ SET 25-27 จุด) รวมถึงมีแนวคิดจะนำกองทุนวายุภักษ์กลับมาเปิดขายให้ลงทุนอีกครั้ง
ขณะที่ฝั่ง Downside ในเดือน ก.ค. เป็นต้นไปจะจำกัดมากขึ้นจากมาตรการ Uptick ที่จะมีผลบังคับใช้ โดยรวมจึงมองดัชนีมีโอกาสฟื้นตัวระยะสั้น อย่างไรก็ตามปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองโดยเฉพาะคดีนายกฯจะยัง Overhang จนถึงครึ่งหลังของเดือน ก.ค. เป็นอย่างน้อยหากคำวินิจฉัย ซึ่งหากออกมาเป็นบวกคาดจะหนุนให้ดัชนีกลับไปโซนระดับ 1,360-1,400 ได้อีกครั้ง กลยุทธ์ : เลือกหุ้นเป็นรายตัวที่มีแนวโน้มเติบโตแกร่งกว่าตลาดและมี ESG Rating สูง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว