สรุป! รายละเอียด TESG โฉมใหม่ ถือแค่ 5 ปี แต่ลดหย่อนภาษีได้กว่า 3 แสนบาท

แม้ว่ากระแสข่าวของการปลุกชีพกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่สร้างความฮือฮาให้แก่ตลาดทุน ต้องโดนกระทรวงการคลังปัดตกไป แต่ในขณะเดียวกันกับได้มีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขของกองทุนหุ้นยั่งยืน(TESG) เพื่อสร้างความน่าสนใจจากนักลงทุนมากขึ้น

ดังนั้น ทางสำนักข่าว Share2Trade จึงได้ทำการรวบรวมข้อมูลเงื่อนไขใหม่ของ TESG พร้อมกับสรุปข้อมูลมาให้ผู้อ่านและนักลงทุนได้ทราบกันในครั้งนี้

สำหรับเงื่อนไขใหม่กระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) เตรียมที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณา ประกอบไปด้วยขยายวงเงินลดหย่อนภาษีนิติบุคคลจากเดิมไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินและซื้อได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท เป็นซื้อได้สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท พร้อมกับลดระยะเวลาถือครองจาก 8 ปี (นับจากวันที่ซื้อ) เหลือระยะเวลาถือครอง 5 ปี (นับจากวันที่ซื้อ)

รวมไปถึงยังได้มีปลดล็อกเงื่อนไขการลงทุนให้บริษัทสมาชิกหรือบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) โดยสามารถลงทุนในหุ้นไทยที่อยู่ในดัชนี ESG ที่ได้รับความเชื่อถือระดับสากล หรือระดับการประเมิน cg rating ของ IOD และมีการเปิดเผยข้อมูลด้านบรรษัทภิบาล (G) ในระดับและรูปแบบ ที่ ก.ล.ต. กำหนด

โดยจากเดิมที่จะลงทุนได้เพียงหุ้น SET/MAI ที่โดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม (E) / ESG หรือเปิดเผยข้อมูลก๊าซเรือนกระจก ซึ่ง ทำให้หุ้นใน Universe จะมีเพียง 121 หลักทรัพย์ แต่ภายหลังที่ได้เพิ่มคุณสมบัติทางด้าน Governance (G) จะทำให้หุ้นใน Universe ของ TESG เพิ่มเป็น 300 หลักทรัพย์ ส่วนการลงทุนใน ESG Bond และ Green Token ยังคงอยู่ไว้เช่นเดิม

ผลที่คาดหวัง 
1.การขยายวงเงิน : จากผลการศึกษาพบว่า เงินลงทุนใน LTF ทุก 1 หมื่นล้าน จะส่งผลต่อ SET Index 25-27 จุด
-เป็นทางเลือกในการออมให้กับกลุ่มคนอายุน้อย อาชีพอิสระ  และกลุ่มคนที่ลงทุนในวงเงินเกษียณ (เช่น RMF) ไม่เต็มจำนวน
2. การปรับระยะถือครอง
-ดึงดูดกลุ่มคนอายุน้อย อาชีพอิสระที่รับความเสี่ยงการลงทุนในหลักทรัพย์ได้ แต่ต้องการสภาพคล่องสูงกว่า
3. การขยายนโยบายลงทุน
-ส่งเสริมให้มีการเปิดเผยข้อมูลการด าเนินการที่สร้างความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนในมิติที่ครอบคลุมมากขึ้น และส่งเสริมความโปร่งใส ให้ข้อมูลเชิงมูลค่าประกอบการตัดสินใจมากขึ้น