Gossip Station..by เจ๊จิ๋ม

Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 26–06-24 (SHORT SELL ลดลงเด่นชัด! )


26 มิถุนายน 2567

Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 26–06-24  (SHORT SELL ลดลงเด่นชัด! )

26-06-24 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยมีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ 

***ต้องเริ่มต้นย้อนก่อนว่า..ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลท.ได้ออกมาตรการยกระดับความเชื่อมั่นตลาดทุน 4 ข้อ บวกกับกระแสการมีกองทุน THAI ESG ที่มีเงื่อนไขใหม่ ทําให้ความผันผวนของตลาดหุ้นไทยลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด 

***คาดว่าปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่งที่สภาวะของตลาดหุ้นดีขึ้น มาจากสัดส่วนการ SHORT SELL ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด 

-วันที่ 17 มิ.ย.67 ตลาดฯ มีสัดส่วน SHORT SELL สูงถึง 16% ของมูลค่าซื้อขาย 

-วันที่ 18 มิ.ย.67 มีความคืบหน้าประเด็น UPTICK เริ่มหนุนให้สัดส่วนการ SHORT SELL ลดลงเหลือ 13.4% ของมูลค่าซื้อขาย 

-จากนั้นลดลงต่อเนื่องจนล่าสุดเหลือ 9.89% ซึ่งต่ํากว่าค่าเฉลี่ย SHORT SELL ในรอบ 1 เดือนที่ 13.4% และค่าเฉล่ียต้ังแต่ต้นปี(YTD) ที่ 11.4% แล้ว 

***ในจังหวะนี้พวกเราราย่อยตาดำๆ น่าจะเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แล้ว โดยเป้าหมายการลงทุนได้พุ่งไปยังหุ้นในกลุ่ม THAIESG ที่มีโอกาสได้เม็ด เงินกระตุ้น, ราคาหุ้นในช่วง YTD ปรับตัวลงมาลึก และมีสัดส่วนการ SHORT SELL ในช่วง 2 วันที่ผ่านมาลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (เทียบสัดส่วน 1 เดือนย้อนหลัง) อาทิ ORI -COM7 -SCC -IVL- AP- PSH -PTTGC -CBG -IRPC -OR เป็นต้น 

***จากการค้นข้อมูล มีกูรูในวงการหุ้นบอกว่าได้ประเมินอิงจากยอดซื้อ LTF 3 ปี (2560-2562) ที่มียอดซื้อเฉลี่ยปีละ 6.8 หมื่นล้านบาท และโครงสร้างจำนวนผู้เสียภาษีในปี 2557 คาดว่าจะมีเม็ดเงินซื้อสุทธิกองทุนใหม่นี้อยู่ที่ราว 7.8 หมื่นล้านบาทต่อปี (vs ตลาดคาดงวด 5 เดือนที่เหลือของปี 2024 ที่ 2.5-3.0 หมื่นล้าน บาท) ศักยภาพเม็ดเงินสูงกว่าเม็ดเงินสมัย LTF เนื่องจากการให้สิทธิลดหย่อนที่เพิ่มขึ้นมาที่ 30% เมื่อเทียบกับ LTF ที่ 15% ทำให้ผู้ที่เสียภาษีในระดับกลาง (เงินได้ต่อปี 7.5 แสน – 2 ล้านบาท) ซึ่งเป็นสัดส่วนใหญ่ของจำนวนผู้เสียภาษี มีทางเลือกที่จะ ออมเงินผ่านกองทุนลดหย่อนภาษีได้เพิ่มขึ้น 

***และหากอิงวงจร LTF ในปี 2555-2556 ที่มี Cycle เศรษฐกิจคล้ายกับปัจจุบัน พบว่าทุกๆ เม็ดเงินใหม่ 1 หมื่นล้านบาท ที่เข้าสู่ตลาดจะหนุน SET INDEX เพิ่มราว 20-25 จุด ใกล้เคียงผลการศึกษาของตลาดที่ประเมิน 25- 27 จุด 

***ดังนั้นหากว่ามีเม็ดเงินเข้ามาใกล้เคียงกับที่ประเมินต่อปี คาดว่าจะหนุน Upside ตลาดอย่างมีนัยสำคัญจากฐานปัจจุบัน ด้านแนวทางการเลือกหุ้นที่ได้ประโยชน์สูง มองต้องมีคุณสมบัติดังนี้ 

i) หุ้นที่ราคาปรับลง ytd สูง vs SETESG -9.8% 

ii) มีน้ำหนักในดัชนี SETESG ค่อนข้างมาก

iii) มีสัดส่วนสถานะ Short-selling คงค้างเมื่อเทียบกับมูลค่าตลาดพบว่า หุ้นในดัชนี SETESG ที่เด่นสุด ได้แก่ BTS (YTD ปรับลง -34%, น้ำหนักใน SETESG 0.58%, จำนวนหุ้นที่ถูก Short และยังไม่ปิดสถานะต่อทุนชำระแล้ว 1.48%), SCC (-26%, 2.84%, 0.85%), CRC(-26%, 1.7%, 1.1%), IVL(- 25.5%, 1.06%, 2.17%) , PTTGC(-20%, 1.29%, 1.05%), CPN(-19.7%, 2.34%, 0.5%) BBL (- 15.7%, 2.34%, 1.15%) และกลุ่มที่มีน้ำหนักสูง อาทิ GULF (-9.55%, 4.38%, 0.42%) AOT( - 2.1%, 7.75%, 1.02%) MTC (-1.67%, -0.87%, 1.34%) CPALL (-0.45%, 4.65%, 0.89%) 

***ปิดท้ายกับเรื่องของ JPARK ราคาหุ้นกำลังจะขยับ..แต่โดนตลท.เตะตัดขาทันที!!! เมื่อวานถูกสั่งเป็นหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขาย ในระดับ 1 : ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย และ Cash Balance เริ่มตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.-16 ก.ค. 2567  เอาน่ะ!!! ถ้าของดีจริง ไม่มีอะไรต้องกลัว!!!