Wealth Sharing
ชัดแล้ว! แบงก์ชั้นนำญี่ปุ่น MUFG ทุ่ม 7.2 พันล้านบาท ลงทุนใน “แอสเซนด์ มันนี่” เจ้าของแพลตฟอร์ม TrueMoney
26 มิถุนายน 2567
แอสเซนด์ มันนี่ บริษัทฟินเทคชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) ได้ประกาศว่า MUFG Bank, Ltd. บริษัทย่อยของ MUFG ในฐานะผู้ลงทุนหลักของการระดมทุนรอบนี้ ร่วมกับกองทุน Finnoventure Private Equity Trust I ซึ่งบริหารโดย บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด ได้ร่วมลงทุนใน บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด เป็นมูลค่ารวม 195 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (7.2 พันล้านบาท)
การลงทุนเชิงกลยุทธ์นี้ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสององค์กรในการผลักดันการเติบโตของบริการทางการเงินแบบดิจิทัลในประเทศไทย การผสานรวมเครือข่ายทางการเงินระดับโลกของ MUFG เข้ากับความรู้เชิงลึกในตลาดท้องถิ่นและโซลูชันทางการเงินดิจิทัลที่เป็นนวัตกรรมของ แอสเซนด์ มันนี่ จะช่วยให้ แอสเซนด์ มันนี่ สามารถให้บริการทางการเงินที่ครอบคลุมแก่ผู้ใช้และลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงินได้อย่างเต็มที่ เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียมและการเงินที่ดีของคนไทย
แอสเซนด์ มันนี่ เป็นบริษัทฟินเทคชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี กรุ๊ป) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ แอสเซนด์ มันนี่ ได้ก้าวสู่การเป็นฟินเทคยูนิคอร์นรายแรกของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2564 บริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการทางการเงินดิจิทัลรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและมีการดำเนินงานที่แข็งแกร่งใน 7 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
แพลตฟอร์ม TrueMoney ของแอสเซนด์มันนี่ นำเสนอโซลูชันทางการเงินที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ สินเชื่อ วงเงินใช้ก่อนจ่ายทีหลัง (BNPL) การลงทุน และประกัน ฯลฯ ด้วยผู้ใช้งานจำนวน 30 ล้านคนในประเทศไทย
แอสเซนด์ มันนี่ ให้บริการแก่ลูกค้าจำนวนมากผ่านเครือข่ายพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ขนาดใหญ่ที่ประกอบไปด้วยบริษัทชั้นนำ ธุรกิจ และร้านค้าทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ และด้วยระบบนิเวศที่แข็งแกร่งนี้ได้ทำให้ แอสเซนด์ มันนี่ อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมที่จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มการใช้บริการทางการเงินดิจิทัลที่มากขึ้นในประเทศไทยและภูมิภาค
ยาซูชิ อิตากากิ รองประธานบริหารอาวุโส หัวหน้ากลุ่มธุรกิจธนาคารพาณิชย์ระดับโลกของ MUFG กล่าวว่า "MUFG มองว่าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นตลาดบ้านที่สองของเรา ด้วยความมุ่งมั่นของเราต่อภูมิภาคนี้ MUFG ได้ลงทุนเชิงกลยุทธ์กับผู้ให้บริการด้านการเงินดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาค
โดยเล็งเห็นว่า แอสเซนด์ มันนี่ เป็นบริษัทฟินเทคที่มีศักยภาพในประเทศไทย ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ที่หลากหลายทั่วประเทศ อีกทั้งมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความต้องการด้านการชำระเงินและบริการทางการเงินของผู้ใช้ การลงทุนนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่เราจะร่วมผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและการเข้าถึงบริการทางการเงินในระดับประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ MUFG ต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศและภูมิภาคโดยรวม"
"เรามีความยินดีต้อนรับการร่วมลงทุนของ MUFG ในแอสเซนด์ มันนี่ ร่วมกับนักลงทุนรายเดิม อาทิ ซีพี กรุ๊ป, แอนท์ กรุ๊ป และ โบว์ เวฟ แคปิตอล แมเนจเมนต์ นนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ แอสเซนด์ มันนี่ ที่ไม่เพียงแต่ยืนยันความมุ่งมั่นของเราในการสร้างนวัตกรรมและผลักดันการเข้าถึงบริการทางการเงินในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในศักยภาพของ แอสเซนด์ มันนี่ อีกด้วย" นายศุภชัย เจียรวนนท์ ผู้ก่อตั้งและประธานคณะกรรมการของแอสเซนด์ มันนี่ กล่าว
"เรามั่นใจว่าแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งของ แอสเซนด์ มันนี่ ผนวกกับความเชี่ยวชาญและเครือข่ายของ MUFG จะช่วยให้เราสร้างระบบนิเวศทางการเงินที่แข็งแกร่ง ครอบคลุม และมีศักยภาพ ซึ่งจะช่วยให้ทั้งภูมิภาคและประเทศเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นผ่านการนำระบบการเงินดิจิทัลมาใช้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชน และการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม"
การลงทุนเชิงกลยุทธ์นี้ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสององค์กรในการผลักดันการเติบโตของบริการทางการเงินแบบดิจิทัลในประเทศไทย การผสานรวมเครือข่ายทางการเงินระดับโลกของ MUFG เข้ากับความรู้เชิงลึกในตลาดท้องถิ่นและโซลูชันทางการเงินดิจิทัลที่เป็นนวัตกรรมของ แอสเซนด์ มันนี่ จะช่วยให้ แอสเซนด์ มันนี่ สามารถให้บริการทางการเงินที่ครอบคลุมแก่ผู้ใช้และลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงินได้อย่างเต็มที่ เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียมและการเงินที่ดีของคนไทย
แอสเซนด์ มันนี่ เป็นบริษัทฟินเทคชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี กรุ๊ป) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ แอสเซนด์ มันนี่ ได้ก้าวสู่การเป็นฟินเทคยูนิคอร์นรายแรกของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2564 บริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการทางการเงินดิจิทัลรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและมีการดำเนินงานที่แข็งแกร่งใน 7 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
แพลตฟอร์ม TrueMoney ของแอสเซนด์มันนี่ นำเสนอโซลูชันทางการเงินที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ สินเชื่อ วงเงินใช้ก่อนจ่ายทีหลัง (BNPL) การลงทุน และประกัน ฯลฯ ด้วยผู้ใช้งานจำนวน 30 ล้านคนในประเทศไทย
แอสเซนด์ มันนี่ ให้บริการแก่ลูกค้าจำนวนมากผ่านเครือข่ายพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ขนาดใหญ่ที่ประกอบไปด้วยบริษัทชั้นนำ ธุรกิจ และร้านค้าทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ และด้วยระบบนิเวศที่แข็งแกร่งนี้ได้ทำให้ แอสเซนด์ มันนี่ อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมที่จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มการใช้บริการทางการเงินดิจิทัลที่มากขึ้นในประเทศไทยและภูมิภาค
ยาซูชิ อิตากากิ รองประธานบริหารอาวุโส หัวหน้ากลุ่มธุรกิจธนาคารพาณิชย์ระดับโลกของ MUFG กล่าวว่า "MUFG มองว่าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นตลาดบ้านที่สองของเรา ด้วยความมุ่งมั่นของเราต่อภูมิภาคนี้ MUFG ได้ลงทุนเชิงกลยุทธ์กับผู้ให้บริการด้านการเงินดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาค
โดยเล็งเห็นว่า แอสเซนด์ มันนี่ เป็นบริษัทฟินเทคที่มีศักยภาพในประเทศไทย ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ที่หลากหลายทั่วประเทศ อีกทั้งมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความต้องการด้านการชำระเงินและบริการทางการเงินของผู้ใช้ การลงทุนนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่เราจะร่วมผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและการเข้าถึงบริการทางการเงินในระดับประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ MUFG ต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศและภูมิภาคโดยรวม"
"เรามีความยินดีต้อนรับการร่วมลงทุนของ MUFG ในแอสเซนด์ มันนี่ ร่วมกับนักลงทุนรายเดิม อาทิ ซีพี กรุ๊ป, แอนท์ กรุ๊ป และ โบว์ เวฟ แคปิตอล แมเนจเมนต์ นนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ แอสเซนด์ มันนี่ ที่ไม่เพียงแต่ยืนยันความมุ่งมั่นของเราในการสร้างนวัตกรรมและผลักดันการเข้าถึงบริการทางการเงินในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในศักยภาพของ แอสเซนด์ มันนี่ อีกด้วย" นายศุภชัย เจียรวนนท์ ผู้ก่อตั้งและประธานคณะกรรมการของแอสเซนด์ มันนี่ กล่าว
"เรามั่นใจว่าแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งของ แอสเซนด์ มันนี่ ผนวกกับความเชี่ยวชาญและเครือข่ายของ MUFG จะช่วยให้เราสร้างระบบนิเวศทางการเงินที่แข็งแกร่ง ครอบคลุม และมีศักยภาพ ซึ่งจะช่วยให้ทั้งภูมิภาคและประเทศเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นผ่านการนำระบบการเงินดิจิทัลมาใช้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชน และการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม"