Talk of The Town

สรุป! คาดการณ์งบไตรมาส 2/67 หุ้นกลุ่ม “ธนาคาร” รายใหญ่ของไทย


27 มิถุนายน 2567
กำลังจะผ่านพ้นไปแล้ว สำหรับรอบผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ซึ่งหุ้นกลุ่มแรกที่จะประกาศผลการดำเนินงานคือ “กลุ่มธนาคาร” ดังนั้นทีมข่าว Share2Trade จึงได้รวบรวมคาดการณ์กำไรไตรมาส 2/2567 ของหุ้นกลุ่มนี้มาฝากนักลงทุน

สรุป! คาดการณ์งบไตรมาส 2 67 copy.jpg

เริ่มกันที่ KBANK นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดวันที่ 19 ก.ค.67 KBANK รายงานกำ ไรสุทธิไตรมาส 2/67 ที่ 1.19 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะ รายได้ดอกเบี้ย (NII) เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จาก NIM ที่ 3.68% เพิ่มจากไตรมาส 2/66 ที่ 3.63% เพราะ yield on loan อีกทั้งค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) ลดลง 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามพอร์ตคุณภาพสินทรัพย์ของลูกหนี้ 

ขณะที่ไตรมาส 2/67 คาดกำไรลดลง 12% จากไตรมาสก่อน เพราะรายได้ดอกเบี้ย (NII) ลดลง 1% จากไตรมาสก่อน จากสินเชื่อหดตัว 0.1% จากไตรมาสก่อน คิดเป็นลดลง 1.2% นับจากต้นปีถึงปัจจุบัน และ NIM ลดลงจากไตรมาส 1/67 ที่ 3.76% จากการ repricing fixed deposit 

ส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) ลดลง 8%จากไตรมาสก่อน เนื่องจาก Bancassurance และเงินลงทุน ด้านคุณภาพสินทรัพย์ NPL Ratio อยู่ที่ 3.25% เพิ่มจากไตรมาส 1/67 ที่ 3.19% ตามความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 145 บาท

ต่อกันที่ TISCO นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/67 ที่ 1.74 พันล้านบาท ลดลง 6.3%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 0.3% จากไตรมาสก่อน โดยกำไรสุทธิที่ปรับลดลง จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รับแรงกดดันจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงจากส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) ลดลงผลจากต้นทุนการเงินที่เร่งตัวขึ้น และสำรองหนี้ฯปรับเพิ่มขึ้น 

อย่างไรก็ดี คาดกำไรปรับขึ้นเล็กน้อย จากไตรมาสก่อน เพราะแม้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะปรับลดลง แต่รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจวาณิธนกิจ โดยบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ เป็นที่ปรึกษาการเงินนำ NEO เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และการควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงาน แนะนำ "ถือ"  ราคาเป้าหมาย 99 บาท เพื่อรับเงินปันผล โดยคาดอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงที่ 7.8-8% ในปี 2567-69 

ส่วน TTB นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) คาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 2/67 ที่ 5.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 3.9% จากไตรมาสก่อน โดยกำไรที่ขยายตัว จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลประโยชน์ทางภาษีเป็นหลักแม้ว่ารายได้จากการดำเนินงานจะลดลงก็ตาม สมมติฐานผลประโยชน์ภาษีที่ 5% ของกำไรก่อนภาษี (ไตรมาส 1/67 ที่ 7.1%) เทียบกับที่มีอัตราภาษีจ่าย 19.2% ในไตรมาส 2/66 

ขณะที่เทียบกับในไตรมาส 1/67 คาดกำไรสุทธิจะลดลง เนื่องจากแม้ว่าสำรองหนี้ฯ ปรับลดลง แต่เพราะรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงจากสินเชื่อลดลง และ NIM ปรับลดลงที่ 3.2% แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 1.98 บาท

ด้าน SCB นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาด SCB จะมีกำไรไตรมาส 2/67 ที่ 1.14 หมื่นล้านบาท ลดลง 3.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยลดลงและค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้นแต่คาดว่าสินเชื่อที่เติบโตจะทำให้รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นและทำให้กำไรเพิ่มขึ้น 1.3% จากไตรมาสก่อน แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 122 บาท

ส่วน KTB นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาด KTB จะมีกำไรไตรมาส 2/67 ที่ 1.11 หมื่นล้านบาท New high ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน โดยเพิ่มขึ้น 9.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 0.4% จากไตรมาสก่อน โดยถึงแม้จะคาดว่าการตั้งสำรอง และค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้น แต่รายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้กำไรยังเพิ่มสูงได้ แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 22.30 บาท

ขณะที่ BAY นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาด BAYจะมีกำไรไตรมาส 2/67 ที่ 8.3 พันล้านบาท ลดลง 1.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก การตั้งสำรองที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้น ถึงแม้จะคาดว่าทั้งรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น 9.9%จากไตรมาสก่อน เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มสูงขึ้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 29 บาท

BBL นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/67 ที่ 1.05หมื่นล้านบาท ลดลง 7.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 0.6% จากไตรมาสก่อน โดยกำไรก่อนหักสำรอง (PPOP) น่าจะลดลง 1.2% จากไตรมาสก่อน และ 2.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนมากจากรายได้จากการดำเนินงาน รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสุทธิ (Non-NII) ที่ลดลง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 157 บาท

ปิดท้ายที่ KKP นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดวันที่ 19 ก.ค.67 KKP รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/67 ที่ 1.1 พันล้านบาท ลดลง 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 27% จากไตรมาสก่อน เพราะ รายได้ดอกเบี้ย (NII) ลดลง  เนื่องจาก จากสินเชื่อหดตัว จากสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และ SME และการ repricing fixed deposit 

รวมทั้งรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) ลดลง จากการลดลงของ Bancassurance ตลาดทุน และเงินลงทุน ขณะที่ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) เพิ่มขึ้น จากขาดทุนรถยึดคาดที่ 1.49 พันล้านบาท ด้านคุณภาพสินทรัพย์ NPL Ratio อยู่ที่ 3.60% ลดลงจาก 3.80% ในไตรมาส 1/67 เพราะ ไตรมาส 1/67 มีการตกชั้นของลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่ง ปรับคำแนะนำ เป็น ถือ เดิมเก็งกำไร และปรับราคาเป้าหมายลงเหลือ 48 บาท จากเดิม 55 บาท


สรุป! คาดการณ์งบไตรมาส 2 67 1-1 copy.jpg