Talk of The Town

เปิดรายชื่อ 10 หุ้นใหญ่ที่ “กองวายุภักษ์” ใส่น้ำหนักลงทุนมากสุด ลุ้นเงินไหลเข้าเพิ่ม หลังรัฐบาลเล็งฟื้น กองวายุภักษ์อีกครั้ง


27 มิถุนายน 2567

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด รายงานว่าจากประเด็นที่ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังยืนยันว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการ กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ระหว่างรอมาตรการเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน DIGITAL WALLET ซึ่งก็คือ แนวคิดการฟื้นกองทุนเพื่อการลงทุนระยะยาวในรูปแบบของ กองทุนวายุภักษ์ 

เปิดรายชื่อ 10 หุ้นใหญ่ copy_0.jpg

ทั้งนี้หลักคิดสำคัญ คือ ต้องการที่จะให้มีเม็ดเงินเติมเข้าไปในตลาด ทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนอีกครั้ง โดยกองทุน ดังกล่าวมีโอกาสแบ่งออกเป็น 2 หน่วย คือ “หน่วย ก.” สำหรับนักลงทุนทั่วไป และ “หน่วย ข.” สำหรับกระทรวงการคลังและหน่วยงานอื่น

โดย ผู้ลงทุนทั่วไป (หน่วย ก.) จะได้รับผลตอบแทนจริง โดยมีขั้นตํ่า-ขั้นสูงต่อปีเป็นเวลา 10 ปี เช่น ขั้นตํ่า 3% (เท่ากับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น) , ขั้นสูง 7-9% ซึ่งตอนนี้ “หน่วย ข.” มีเม็ดเงินลงทุนอยู่ 3.5 แสนล้านบาท 

ถ้า ขาย “หน่วย ก.” ให้ผู้ลงทุนทั่วไป 1.5 แสนล้าน บาท จะทำให้กองทุนวายุภักษ์มีมูลค่าราว 5 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นกองทุนที่ใหญ่ มากเมื่อเทียบกับกองทุนอื่นที่ลงทุนในหุ้นไทย ประเด็นดังกล่าวคาดได้ข้อสรุปภายใน 2 เดือน หรือภายในไตรมาส 3 ของปีนี้

ขณะที่หากพิจารณาในมุมหุ้นที่มีโอกาสได้รับเม็ดเงินกระตุ้น คือ หุ้นเดิมที่กองทุนวายุภักษ์1 ถืออยู่แล้ว อาทิ PTT(36.3%) SCB(24.3%) TTB(4.9%) BCP(3.5%) KTB(3.3%) AOT(1.8%) ADVANC(1.6%) GULF(0.9%) SCC(0.9%)BDMS(0.9%) เป็นต้น 

ซึ่งผลรวมน้ำหนักหุ้น 10 อันดับแรกที่กองทุนวายุภักษ์ถือสูงถึง 78.3% จึงทำให้มีโอกาสสูงที่จะเห็นเม็ดเงินใหม่ไหลเข้าหุ้นดังกล่าวมากกว่าหุ้นอื่นๆ อย่างไรก็ตามต้องติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิดว่ามีกฎเกณฑ์ และข้อกำหนดต่างๆที่ขัดต่อหุ้นเดิมหรือไม่ ซึ่งหากมีเม็ดเงินใหม่อาจไหลไปหุ้นใหม่ที่กองทุนวายุภักษ์ไม่ได้ถือก็เป็นได้

สรุป มาตรการช่วยพยุง SET มีมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งล่าสุดเตรียมฟื้นกองทุนวายุภักษ์และรับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำของนักลงทุนไว้ที่ 3% โดยหุ้นที่มีโอกาสได้รับเม็ดเงินไหลเข้า คือ หุ้นเดิมที่กองทุนวายุภักษ์ถืออยู่แล้ว อาทิ PTT SCB TTB BCP KTB AOT ADVANC GULF SCC BDMS เป็นต้น