Talk of The Town
KTC งานเข้า! โบรกฯ แนะให้ “ชอร์ตเซล” หลังราคาหุ้นมีแรงกดดันเพียบ ชี้พื้นฐานยังไม่น่าสนใจ Q2 กำไรลด
28 มิถุนายน 2567
นักวิเคราะห์แนะนำ Short Sell ใน KTC หลังจากที่แรงกดดันเข้ามาต่อเนื่อง ทั้งการขยับอัตราการผ่านชำระขั้นต่ำ เศรษฐกิจชะลอตัว แรงกดดันด้านนโยบายในการแก้หนี้ แนะทำกำไรที่ 39 บาท และตัดขาดทุนที่ 43 บาท
นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า SBL Idea สัปดาห์นี้แนะนำ Short Sell ใน KTC โดยแนะทำกำไรที่ระดับ 39 บาท และตัดขาดทุนที่ระดับ 43 บาท โดยคาดว่าราคาหุ้น KTC ยังถูกกดดันจาก 1.การขยับอัตราการผ่านชำระขั้นต่ำจาก 5% เป็น 8% ทำให้กระทบความสามารถในการชำระหนี้
2.การขยายตัวของสินเชื่อยังถูกจำกัดด้วยการชะลอตัวของเศรษฐกิจ 3.แรงกดดันด้านนโยบายในการแก้หนี้ของ รัฐบาลยังเป็นปัจจัย Overhang จนกว่ายอดหนี้ครัวเรือนจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน KTC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ประเมินไตรมาส 2/67 คาดกำไรสุทธิ 1,770 ล้านบาท ลดลง 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 2%จากไตรมาสก่อน กดดันหลักจากความแข็งแกร่งของลูกหนี้ลดลง จากความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
และส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากการปรับการจ่ายขั้นต่ำของบัตรเครดิตจาก 5% เป็น 8% ทำให้ NPL Ratio ปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2.10% จากไตรมาส 1/67 ที่ 2.00% สำหรับผลการดำเนินงานของธุรกิจหลัก (PPOP) เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ทรงตัวจากไตรมาสก่อน เพราะการเพิ่มขึ้นรายได้รวม ทั้งสินเชื่อรวม รายได้ค่าธรรมเนียม บริการ และหนี้สูญรับคืน โดยภาพรวม KTC ฝ่ายวิจัยมองว่ายังไม่น่าสนใจ เพราะกำไรสุทธิปี 67 คาดโตเพียง 3% จากปีก่อน จึงแนะนำ ถือ และคงราคาเป้าหมาย 46 บาท
นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า SBL Idea สัปดาห์นี้แนะนำ Short Sell ใน KTC โดยแนะทำกำไรที่ระดับ 39 บาท และตัดขาดทุนที่ระดับ 43 บาท โดยคาดว่าราคาหุ้น KTC ยังถูกกดดันจาก 1.การขยับอัตราการผ่านชำระขั้นต่ำจาก 5% เป็น 8% ทำให้กระทบความสามารถในการชำระหนี้
2.การขยายตัวของสินเชื่อยังถูกจำกัดด้วยการชะลอตัวของเศรษฐกิจ 3.แรงกดดันด้านนโยบายในการแก้หนี้ของ รัฐบาลยังเป็นปัจจัย Overhang จนกว่ายอดหนี้ครัวเรือนจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน KTC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ประเมินไตรมาส 2/67 คาดกำไรสุทธิ 1,770 ล้านบาท ลดลง 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 2%จากไตรมาสก่อน กดดันหลักจากความแข็งแกร่งของลูกหนี้ลดลง จากความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
และส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากการปรับการจ่ายขั้นต่ำของบัตรเครดิตจาก 5% เป็น 8% ทำให้ NPL Ratio ปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2.10% จากไตรมาส 1/67 ที่ 2.00% สำหรับผลการดำเนินงานของธุรกิจหลัก (PPOP) เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ทรงตัวจากไตรมาสก่อน เพราะการเพิ่มขึ้นรายได้รวม ทั้งสินเชื่อรวม รายได้ค่าธรรมเนียม บริการ และหนี้สูญรับคืน โดยภาพรวม KTC ฝ่ายวิจัยมองว่ายังไม่น่าสนใจ เพราะกำไรสุทธิปี 67 คาดโตเพียง 3% จากปีก่อน จึงแนะนำ ถือ และคงราคาเป้าหมาย 46 บาท