Wealth Sharing
10 กองหุ้นสหรัฐฯ ตั้งแต่ต้นปีผลตอบแทนสูงถึง 25% พบ 3 กองเด่นลงทุนใน NASDAQ 100 ตัวแรก
28 มิถุนายน 2567
มีนักลงทุนไม่น้อยที่อาจจะหันมาลงทุนในหุ้นต่างประเทศมากขึ้น หลังจากที่ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนค่อนข้างสูงตลอดช่วงที่ผ่านมาจากปัจจัยภายในประเทศ แต่อย่างไรก็ดีหากจะมองหาการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ตลาดที่มีความสนใจก็ยังคงเป็นหุ้นสหรัฐฯ ที่ถือเป็นมหาอำนาจของโลกในหลายๆด้าน
ดังนั้น ในวันนี้ทางเราจึงได้ทำสำรวจและรวบรวมข้อมูลของกองทุนรวมหุ้นสหรัฐฯที่ให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันที่มีความโดดเด่นที่สุด 10 อันดับแรก ซึ่งจะชื่อกองทุนที่ผู้อ่านและนักลงทุนติดอยู่ในพอร์ตหรือไม่นั้น ไปรับชมรายละเอียดได้ตามด้านล่าง
บลจ. เกียรตินาคินภัทร ฟาด 3 อันดับแรก
โดยกองทุนเปิดเคเคพี NDQ100 - UNHEDGED หน่วยลงทุนชนิดทั่วไป หรือ KKP NDQ100-UH ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดหรือที่ 25.55% รองลงมาเป็นกองทุนเปิดเคเคพี NDQ100 - UNHEDGED หน่วยลงทุนชนิด F หรือ KKP NDQ100-UH-F ที่25.41% และ กองทุนเปิดเคเคพี NDQ100 - UNHEDGED หน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออม หรือ KKP NDQ100-UH-SSF ที่25.22%
สำหรับนโยบายลงทุนใน Invesco NASDAQ 100 ETF เป็นกองทุนหลักซึ่งจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก (NASDAQ) ประเทศสหรัฐอเมริกาและมีนโยบายลงทุนไม่น้อยกว่า 90% ของ NAV ในหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบของดัชนี NASDAQ-100 Index ซึ่งประกอบด้วยหลักทรัพย์ของบริษัทที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน จํานวน 100 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดตามมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ทั้งบริษัทในประเทศและนอกประเทศสหรัฐอเมริกาที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ
บลจ.ทิสโก้ ไล่บี้ติดอันดับ 4
โดยกองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส อิควิตี้ อันเฮดจ์ หรือ TUSEQ-UH ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 22.76% ซึ่งเป็นกองที่จะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR S&P 500 ETF เป็นกองทุนหลัก ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในตราสารทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี S&P 500
บลจ.ทาลิส ควง 3 กองติดโพล
โดยกองทุนเปิด MEGA 10 ชนิดสะสมมูลค่า หรือ MEGA10-A ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 22.36%,กองทุนเปิด MEGA 10 ชนิดเพื่อการออม หรือ MEGA10-SSF ให้ผลตอบแทนที่ 22.34% และกองทุนเปิด MEGA 10 เพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ MEGA10RMF ให้ผลตอบแทนที่ 21.97%
สำหรับนโยบายของทั้ง 3 จะลงทุนในตราสารทุนของบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกที่จดทะเบียนซื้อขายใน NYSE / NASDAQ ซึ่งเป็นบริษัทที่เน้นความเป็นผู้นำในด้านตราสินค้า (Brand Value) จากการจัดอันดับโดยสถาบันจัดอันดับตราสินค้า (Brand) ระดับสากล และคัดเลือกจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) และที่มีสภาพ
คล่องสูงสุด 10 บริษัทแรก
2 กองทุน จากตัวแทนบลจ.บัวหลวง
สำหรับตัวแทนจากบลจ.บัวหลวง ก็คือ กองทุนเปิดบัวหลวงยูเอสอัลฟ่า หรือ B-USALPHA ที่ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 21.84% และกองทุนเปิดบัวหลวงยูเอสอัลฟ่าเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ B-USALPHARMF ให้ผลตอบแทนที่ 21.73% ซึ่งมีกองทุนหลักเป็น JPMorgan Funds - US Growth Fund ที่จะลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีแนวโน้มเติบโต หรือทำธุรกิจหลักในสหรัฐอเมริกา
บลจ.อีสท์สปริง เกาะขบวนอันดับ 10
โดยมีกองทุนเปิดอีสท์สปริง US Blue Chip Equity หรือ ES-USBLUECHIP ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 20.93% ด้วยการลงทุนผ่านกองทุนหลักอย่าง T. Rowe Price Funds SICAV - US Blue Chip Equity Fund ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นบลูชิพของสหรัฐหรือมีธุรกิจสหรัฐ
ดังนั้น ในวันนี้ทางเราจึงได้ทำสำรวจและรวบรวมข้อมูลของกองทุนรวมหุ้นสหรัฐฯที่ให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันที่มีความโดดเด่นที่สุด 10 อันดับแรก ซึ่งจะชื่อกองทุนที่ผู้อ่านและนักลงทุนติดอยู่ในพอร์ตหรือไม่นั้น ไปรับชมรายละเอียดได้ตามด้านล่าง
บลจ. เกียรตินาคินภัทร ฟาด 3 อันดับแรก
โดยกองทุนเปิดเคเคพี NDQ100 - UNHEDGED หน่วยลงทุนชนิดทั่วไป หรือ KKP NDQ100-UH ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดหรือที่ 25.55% รองลงมาเป็นกองทุนเปิดเคเคพี NDQ100 - UNHEDGED หน่วยลงทุนชนิด F หรือ KKP NDQ100-UH-F ที่25.41% และ กองทุนเปิดเคเคพี NDQ100 - UNHEDGED หน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออม หรือ KKP NDQ100-UH-SSF ที่25.22%
สำหรับนโยบายลงทุนใน Invesco NASDAQ 100 ETF เป็นกองทุนหลักซึ่งจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก (NASDAQ) ประเทศสหรัฐอเมริกาและมีนโยบายลงทุนไม่น้อยกว่า 90% ของ NAV ในหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบของดัชนี NASDAQ-100 Index ซึ่งประกอบด้วยหลักทรัพย์ของบริษัทที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน จํานวน 100 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดตามมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ทั้งบริษัทในประเทศและนอกประเทศสหรัฐอเมริกาที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ
บลจ.ทิสโก้ ไล่บี้ติดอันดับ 4
โดยกองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส อิควิตี้ อันเฮดจ์ หรือ TUSEQ-UH ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 22.76% ซึ่งเป็นกองที่จะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR S&P 500 ETF เป็นกองทุนหลัก ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในตราสารทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี S&P 500
บลจ.ทาลิส ควง 3 กองติดโพล
โดยกองทุนเปิด MEGA 10 ชนิดสะสมมูลค่า หรือ MEGA10-A ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 22.36%,กองทุนเปิด MEGA 10 ชนิดเพื่อการออม หรือ MEGA10-SSF ให้ผลตอบแทนที่ 22.34% และกองทุนเปิด MEGA 10 เพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ MEGA10RMF ให้ผลตอบแทนที่ 21.97%
สำหรับนโยบายของทั้ง 3 จะลงทุนในตราสารทุนของบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกที่จดทะเบียนซื้อขายใน NYSE / NASDAQ ซึ่งเป็นบริษัทที่เน้นความเป็นผู้นำในด้านตราสินค้า (Brand Value) จากการจัดอันดับโดยสถาบันจัดอันดับตราสินค้า (Brand) ระดับสากล และคัดเลือกจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) และที่มีสภาพ
คล่องสูงสุด 10 บริษัทแรก
2 กองทุน จากตัวแทนบลจ.บัวหลวง
สำหรับตัวแทนจากบลจ.บัวหลวง ก็คือ กองทุนเปิดบัวหลวงยูเอสอัลฟ่า หรือ B-USALPHA ที่ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 21.84% และกองทุนเปิดบัวหลวงยูเอสอัลฟ่าเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ B-USALPHARMF ให้ผลตอบแทนที่ 21.73% ซึ่งมีกองทุนหลักเป็น JPMorgan Funds - US Growth Fund ที่จะลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีแนวโน้มเติบโต หรือทำธุรกิจหลักในสหรัฐอเมริกา
บลจ.อีสท์สปริง เกาะขบวนอันดับ 10
โดยมีกองทุนเปิดอีสท์สปริง US Blue Chip Equity หรือ ES-USBLUECHIP ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 20.93% ด้วยการลงทุนผ่านกองทุนหลักอย่าง T. Rowe Price Funds SICAV - US Blue Chip Equity Fund ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นบลูชิพของสหรัฐหรือมีธุรกิจสหรัฐ