Smart Investment
"คีรี-กวิน"หุ้นใหญ่ BTS รวบหุ้นแตะ36% หลังราคาดิ่ง โบรกยังห่วงลงทุน JAMART เดือนมิ.ย.พบ "สมบัติ พานิชชีวะ" โผล่ถือ 71 ล้านหุ้น
29 มิถุนายน 2567
จากการสำรวจข้อมูลโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) BTS ล่าสุด ณ วันที่ 18 มิถุนายน 2567 และนำไปเปรียบเทียบกันรายชื่อผู้ถือหุ้นในครั้งก่อน พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะ สองพ่อลูกตระกูลการญจนพาสน์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ BTS ได้เพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นจำนวนมาก ประกอบด้วย
คีรี กาญจนพาสน์ ถือหุ้นเพิ่มขึ้นแตะ 4,160,394,752 หุ้น คิดเป็น 31.60% จากครั้งก่อนถือหุ้นเพียง 2,768,383,552 หุ้น 21.02% ขณะที่บุตรชาย "กวิน กาญจนพาสน์" ถือหุ้นเพิ่มขึ้นแตะ 745,664,295 หุ้น คิดเป็น 5.66%จากครั้งก่อนถือหุ้นเพียง 605,012,295หุ้น คิดเป็น 4.59% รวมถึง สำนักงานประกันสังคมถือหุ้นเพิ่มขึ้นแตะ 421,746,300 หุ้น คิดเป็น 3.20%จากครั้งก่อนถือหุ้นเพียง 418,160,400หุ้น คิดเป็น 3.18%
ในทางตรงกันข้ามยังพบว่า กลุ่ม UBS AG SINGAPORE BRANCH ซึ่งเคยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 ได้ลดสัดส่วนการถือครองหุ้นลง และไม่ปรากฎรายชื่อว่าเป็นผู้ถือหุ้น BTS ในการปิดสมุดทะเบียนล่าสุด จากเดิมที่เคยถือหุ้น 2 รายการประกอบด้วย รายการแรก ถือหุ้นเท่ากับ 833,918,000 หุ้น คิดเป็น 6.33% และรายการที่ 2 ถือหุ้น 402,101,800 หุ้นคิดเป็น3.05%
นอกจากนี้เมื่อพิจารณาที่มาของจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้น ซึ่งจากข้อมูลในแบบรายงานการได้มาและจำหน่ายหลักทรัพย์ 246-2 และการรายงานการถือครองหลักทรัพย์ของผู้บริหาร 59-2 ก็ยังไม่ปรากฎการรายงานการได้มาหุ้นBTS ของ"คีรี กาญจนพาสน์" แต่ในส่วนของ"กวิน กาญจนพาสน์"มีการปรากฎการทำรายการซื้อหุ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการเคลื่อนไหวราคาหุ้นBTS ตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนกลางเดือนมิถุนายน 2567 ราคาปรับตัวลดลง 37.66% จากราคา 7.25 บาท ลดลงมาอยู่ที่ 4.52 บาท
ทั้งนี้ โครงสร้างผู้ถือหุ้นBTS ล่าสุดประกอบด้วย นาย คีรี กาญจนพาสน์ ถือหุ้น 4,160,394,752 หุ้น คิดเป็น 31.60%บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 1,333,719,226หุ้น คิดเป็น 10.13% นาย กวิน กาญจนพาสน์ 745,664,295หุ้น คิดเป็น 5.66%สำนักงานประกันสังคม 421,746,300 หุ้น คิดเป็น 3.20%บริษัท เค ทู เจ โฮลดิ้ง จำกัด 400,818,000 หุ้น คิดเป็น3.04% SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED 293,758,645 หุ้น คิดเป็น 2.23% ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน)239,461,128หุ้น คิดเป็น1.82% กองทุนเปิด บัวหลวงหุ้นระยะยาว 185,899,100หุ้น คิดเป็น 1.41%
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) 145,841,400หุ้น คิดเป็น 1.11% THE HONGKONG AND SHANGHAI BANKING CORPORATION LIMITED, HONGKONG BRANCH 100,100,000หุ้น คิดเป็น 0.76% กองทุนเปิด บัวหลวงหุ้นระยะยาว 75/25 ถือ 93,731,000 หุ้น คิดเป็น0.71% กองทุนเปิด บัวหลวงเฟล็กซิเบิ้ลเพื่อการเลี้ยงชีพ 88,666,200หุ้น คิดเป็น 0.67% STATE STREET EUROPE LIMITED 77,373,824 หุ้น คิดเป็น 0.59% และนาย สมบัติ พานิชชีวะ 71,622,992 หุ้น คิดเป็น 0.54%
บล.เคจีไอ ระบุว่า แนะนำถือ BTS ราคาเป้าหมาย ปี 2568 ที่ 5.60 บาท หลังจากที่ BTS รายงานผลประกอบการ FY24 ออกมา เราได้ปรับประมาณการกำไร ใหม่ โดยคาดว่า BTS จะมีกำไร 200 ล้านบาทในปี 2568F และ 498 ล้านบาทในปี 2569F โดยไม่มีการบันทึกรายการพิเศษ เรายังคงคำแนะนำถือ BTS แต่ปรับลดราคาเป้าหมาย SOTP ปี 2568 (เมษายน 2567-มีนาคม 2568) ลงเหลือ 5.60 บาท (จาก 6.30 บาท) โดยสะท้อนความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นที่มีอยู่เข้าไปในราคาเป้าหมายปัจจุบัน
ขณะที่ปัจจัยที่น่ากังวลประกอบด้วย การที่รถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลือง มีการคาดการณ์ในเบื้องต้นว่า สองโครงการนี้จะมีผู้โดยสาร 100,000 คน แต่จากข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม จำนวนผู้โดยสารสายสีชมพูอยู่ที่ 56,000 คน และสายสีเหลืองอยู่ที่ 44,000 คน ซึ่งจะต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 ปี กว่าจะถึงจุดคุ้มทุนในระดับ EBITDA
ความเสี่ยงจากการลงทุนของ BTS ผู้บริหารไม่คิดว่าจะได้รับผลกระทบจากการลงทุน (เช่น การด้อยค่า, ผลขาดทุนจากการลงทุนในหุ้น) แต่เรายังคงกังวลเรื่องดังกล่าว โดยผู้บริหารระบุว่ายังคงจัด Jaymart (JMART.BK/JMART TB)* เป็นการลงทุนระยะยาวในพอร์ตของบริษัทต่อไป
คีรี กาญจนพาสน์ ถือหุ้นเพิ่มขึ้นแตะ 4,160,394,752 หุ้น คิดเป็น 31.60% จากครั้งก่อนถือหุ้นเพียง 2,768,383,552 หุ้น 21.02% ขณะที่บุตรชาย "กวิน กาญจนพาสน์" ถือหุ้นเพิ่มขึ้นแตะ 745,664,295 หุ้น คิดเป็น 5.66%จากครั้งก่อนถือหุ้นเพียง 605,012,295หุ้น คิดเป็น 4.59% รวมถึง สำนักงานประกันสังคมถือหุ้นเพิ่มขึ้นแตะ 421,746,300 หุ้น คิดเป็น 3.20%จากครั้งก่อนถือหุ้นเพียง 418,160,400หุ้น คิดเป็น 3.18%
ในทางตรงกันข้ามยังพบว่า กลุ่ม UBS AG SINGAPORE BRANCH ซึ่งเคยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 ได้ลดสัดส่วนการถือครองหุ้นลง และไม่ปรากฎรายชื่อว่าเป็นผู้ถือหุ้น BTS ในการปิดสมุดทะเบียนล่าสุด จากเดิมที่เคยถือหุ้น 2 รายการประกอบด้วย รายการแรก ถือหุ้นเท่ากับ 833,918,000 หุ้น คิดเป็น 6.33% และรายการที่ 2 ถือหุ้น 402,101,800 หุ้นคิดเป็น3.05%
นอกจากนี้เมื่อพิจารณาที่มาของจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้น ซึ่งจากข้อมูลในแบบรายงานการได้มาและจำหน่ายหลักทรัพย์ 246-2 และการรายงานการถือครองหลักทรัพย์ของผู้บริหาร 59-2 ก็ยังไม่ปรากฎการรายงานการได้มาหุ้นBTS ของ"คีรี กาญจนพาสน์" แต่ในส่วนของ"กวิน กาญจนพาสน์"มีการปรากฎการทำรายการซื้อหุ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการเคลื่อนไหวราคาหุ้นBTS ตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนกลางเดือนมิถุนายน 2567 ราคาปรับตัวลดลง 37.66% จากราคา 7.25 บาท ลดลงมาอยู่ที่ 4.52 บาท
ทั้งนี้ โครงสร้างผู้ถือหุ้นBTS ล่าสุดประกอบด้วย นาย คีรี กาญจนพาสน์ ถือหุ้น 4,160,394,752 หุ้น คิดเป็น 31.60%บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 1,333,719,226หุ้น คิดเป็น 10.13% นาย กวิน กาญจนพาสน์ 745,664,295หุ้น คิดเป็น 5.66%สำนักงานประกันสังคม 421,746,300 หุ้น คิดเป็น 3.20%บริษัท เค ทู เจ โฮลดิ้ง จำกัด 400,818,000 หุ้น คิดเป็น3.04% SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED 293,758,645 หุ้น คิดเป็น 2.23% ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน)239,461,128หุ้น คิดเป็น1.82% กองทุนเปิด บัวหลวงหุ้นระยะยาว 185,899,100หุ้น คิดเป็น 1.41%
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) 145,841,400หุ้น คิดเป็น 1.11% THE HONGKONG AND SHANGHAI BANKING CORPORATION LIMITED, HONGKONG BRANCH 100,100,000หุ้น คิดเป็น 0.76% กองทุนเปิด บัวหลวงหุ้นระยะยาว 75/25 ถือ 93,731,000 หุ้น คิดเป็น0.71% กองทุนเปิด บัวหลวงเฟล็กซิเบิ้ลเพื่อการเลี้ยงชีพ 88,666,200หุ้น คิดเป็น 0.67% STATE STREET EUROPE LIMITED 77,373,824 หุ้น คิดเป็น 0.59% และนาย สมบัติ พานิชชีวะ 71,622,992 หุ้น คิดเป็น 0.54%
บล.เคจีไอ ระบุว่า แนะนำถือ BTS ราคาเป้าหมาย ปี 2568 ที่ 5.60 บาท หลังจากที่ BTS รายงานผลประกอบการ FY24 ออกมา เราได้ปรับประมาณการกำไร ใหม่ โดยคาดว่า BTS จะมีกำไร 200 ล้านบาทในปี 2568F และ 498 ล้านบาทในปี 2569F โดยไม่มีการบันทึกรายการพิเศษ เรายังคงคำแนะนำถือ BTS แต่ปรับลดราคาเป้าหมาย SOTP ปี 2568 (เมษายน 2567-มีนาคม 2568) ลงเหลือ 5.60 บาท (จาก 6.30 บาท) โดยสะท้อนความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นที่มีอยู่เข้าไปในราคาเป้าหมายปัจจุบัน
ขณะที่ปัจจัยที่น่ากังวลประกอบด้วย การที่รถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลือง มีการคาดการณ์ในเบื้องต้นว่า สองโครงการนี้จะมีผู้โดยสาร 100,000 คน แต่จากข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม จำนวนผู้โดยสารสายสีชมพูอยู่ที่ 56,000 คน และสายสีเหลืองอยู่ที่ 44,000 คน ซึ่งจะต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 ปี กว่าจะถึงจุดคุ้มทุนในระดับ EBITDA
ความเสี่ยงจากการลงทุนของ BTS ผู้บริหารไม่คิดว่าจะได้รับผลกระทบจากการลงทุน (เช่น การด้อยค่า, ผลขาดทุนจากการลงทุนในหุ้น) แต่เรายังคงกังวลเรื่องดังกล่าว โดยผู้บริหารระบุว่ายังคงจัด Jaymart (JMART.BK/JMART TB)* เป็นการลงทุนระยะยาวในพอร์ตของบริษัทต่อไป