จับประเด็นหุ้นเด่น

สัมภาษณ์พิเศษ : “พิศาล รัชกิจประการ” กับภารกิจพา AMA รายได้ทะยาน 5,000 ลบ. ด้วยกลยุทธ์ “คุณภาพการบริการ-ขนส่งครบวงจร”


28 มิถุนายน 2567
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หนุนภาคขนส่งขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของ บมจ.อาม่า มารีน หรือ AMA  มีเป้าหมายและทิศทางในการดำเนินธุรกิจในระยะต่อไปอย่างไร เพื่อเติบโตไปกับเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว เราไปติดตามมุมมองนี้กับ “พิศาล  รัชกิจประการ” กรรมการผู้จัดการ  AMA  

สัมภาษณ์พิเศษ AMA copy.jpg

ลักษณะธุรกิจของ AMA  

ธุรกิจหลักที่เราทำ แบ่งเป็น ทางเรือและทางบก ในอดีตบริษัทเริ่มต้นทำธุรกิจเฉพาะทางเรือ แต่หลังจากที่เราจดทะเบียนเข้ามาในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทได้ขยายธุรกิจ ทำขนส่งทางรถ ส่วนรายได้จากการขนส่ง อดีต 100 % มาจากทางเรือ แต่ปัจจุบันได้ลดลงมาอยู่ที่ 55% และการขนส่งทางบกอยู่ที่ 45% 

สินค้าที่ AMA ขนส่ง 

95% สินค้าที่ส่งเป็นน้ำมันปาล์มทุกประเภท โดยพื้นที่ที่ขนส่งเป็นประเทศในอาเซียน จีน เกาหลีใต้ อินเดีย ส่วนการขนส่งทางรถ เป็นการขนส่งเฉพาะในประเทศ โดยส่วนใหญ่ประมาณ 93% เป็นการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง อีก 7% เป็นการขนส่งน้ำมัน B100 ซึ่งลูกค้าหลักได้แก่ บมจ.PTG  ขณะเดียวกันบริษัทได้เข้าไปถือหุ้น  บริษัท ทีเอสเอสเคโลจิสติกส์ หรือ TSSK ในสัดส่วน 76%  ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการขนส่ง เม็ดพลาสติก ขนส่งรถยนต์ และขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ 

กองเรือและกองรถขนส่งที่มีในปัจจุบัน

ปัจจุบันมีกองเรือบรรทุกจำนวน 8 ลำ แต่ความสามารถในการให้บริการขนส่งมีมากถึง 86,000 ตัน เท่ากับปีที่ผ่านมา ที่มีเรือ 9 ลำ  เนื่องจากเรือที่เพิ่มเข้ามามีกำลังการผลิตมากกว่าเดิม ส่วนการให้บริการขนส่งทางบก  รถขนส่งน้ำมัน จะมีการเพิ่มและให้บริการได้ในเดือนก.ย. อีก 30 คัน  จากเดิมที่บริษัทมีรถบรรทุก 304 คัน  ทำให้ในไตรมาส 3 มีรถจำนวน 334 คัน เพิ่มประมาณ 10% แต่หากรวมกับบริษัท ทีเอสเอสเคโลจิสติกส์ จำกัดที่บริษัทเพิ่งเข้าไปถือหุ้นจะมีรถบรรทุกรวมกว่า 500 คัน

ผลการดำเนินงานช่วง 3 เดือนแรกของปี 67

ผลงานอาจลดลงบ้าง จากการทำกำไรของการขนส่งทางเรือที่ลดลง ขณะที่การขนส่งทางรถยังทำกำไรได้ดี ส่วนไตรมาสที่ 2 สถานการณ์ปรับตัวดีขึ้น แต่จะมากน้อยแค่ไหน ต้องรอให้ปิดงบก่อน 

แนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลัง

ธรรมชาติของการให้บริการขนส่งของ AMA ไตรมาส3 และ 4 จะเป็นช่วงที่มีผลงานที่ดี ขณะที่ไตรมาสแรกเป็นช่วงที่ผลงานจะไม่ดี  เนื่องจากเราให้บริการไปจีนประมาณ 45-50%  ซึ่งจะเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน ทำให้มีการชะลอการนำเข้า แต่ในครึ่งปีหลัง เรามองว่าค่าขนส่งปรับตัวดีขึ้น โดยมีสัญญาณตั้งแต่ต้นไตรมาส 2 ที่ค่าขนส่งปรับตัวดีขึ้นแม้จะยังไม่มาก เนื่องจากราคาน้ำมันไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมาก และบางช่วงราคาได้ปรับลดลง ทำให้ค่าน้ำมัน ซึ่งเป็นต้นทุนหลักของการขนส่งทางเรือปรับลดลง  ซึ่งหากราคาน้ำมันอยู่ที่ประมาณ 80 ดอลลาร์  ถือเป็นระดับที่บริหารจัดการได้ดี ขณะที่การขนส่งทางรถราคาค่าขนส่งจะปรับตัวตามราคาเชื้อเพลิง ทำให้ไม่น่าห่วง   

เป้าหมายแผนธุรกิจในปี 2567

บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโตอย่างน้อย 10% เนื่องจากการขนส่งทางเรือมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของธุรกิจโลจิสติกส์ และความสามารถในการขนส่งเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มจำนวนรถและเรือ ส่วนการเติบโตในช่วง 3 ปีจากนี้ หรือตั้งแต่ปี67-69  มีเป้าหมายรายได้อยู่ที่ 5,000 ล้านบาท

กลยุทธ์ด้านการแข่งขันที่สำคัญ 

ทางเรือ เรามีสายสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าหลัก เราคิดว่าเราจะรักษา การให้คุณภาพการบริการ คือการตรงต่อเวลา การขนส่งสินค้าไม่ขาดหาย และการบรรทุกประเภทของสินค้าเป็นไปตามที่ลูกค้าต้องการ สะท้อนจากราคาค่าขนส่งของAMA เมื่อเทียบกับตลาดในภูมิภาคเอเชีย  ราคาของ AMA จะสูงกว่าที่อื่นประมาณ 1-2 เหรียญ ทางรถ เนื่องจาก ลูกค้าหลักคือ PTG ทำให้คู่แข่งไม่มาก  แต่มีคู่เทียบกับบริษัทที่ PTG ทำเอง 

ภาพรวมทิศทางค่าขนส่งปีนี้

ปี2567 ค่าขนส่งได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ อัตราทำกำไรปรับเข้าสู่ระดับปกติ อยู่ที่ประมาณ 10%  ซึ่งปกติไตรมาส 3 และ 4  จะเป็นช่วงที่อินเดียและจีน จะนำเข้ามากกว่าครึ่งปีแรก ทำให้เชื่อว่าไตรมาส 3 ผลงานเราจะดีกว่าไตรมาส 2 

วิธีบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

AMA รายได้ 100% เป็นดอลลาร์ แต่ค่าใช้จ่ายประมาณ 70% เป็นเงินดอลลาร์เช่นกัน ทำให้เป็น Natural Hedge  แต่เงินบาทที่อ่อนค่าทำให้เรากำไรมากขึ้น แต่ถ้าบาทแข็งจะกระทบต่อกำไรทำให้เราขาดทุนกำไรเท่านั้น

คู่แข่งในอุตสาหกรรม
ทางเรือ AMA เกือบเป็นบริษัทเดียวที่ให้บริการขนส่งเฉพาะน้ำมันพืช ไปในภูมิภาคเอเชีย หรือหากมีบริษัทอื่นที่ให้บริการขนส่งน้ำมันพืชแต่ก็ไม่ได้วิ่งไปทั่วภูมิภาคเอเชีย ทำให้ไม่สามารถเปรียบเทียบอัตราการทำกำไรกับบริษัทอื่นไม่ได้ เพราะบางบริษัทอาจเป็นเรือสินค้าเทกอง บางบริษัทเป็นเรือที่ขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ แต่AMA เป็นเรือเคมี  

ดังนั้นคู่แข่งของเรา ทางทะเลจะเป็นบริษัทที่เป็นเจ้าของเรือในญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เวียดนาม สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ส่วนทางรถยนต์ สัญญาที่เราทำกับพันธมิตร คือ บมจ. PTG เป็นระยะเวลา 5 ปี ดังนั้นปริมาณการขนส่ง  93% ของAMA  ที่เหลือ 7% ขนส่ง ไบโอดีเซล 

เพิ่มสัดส่วนรายได้อื่นเพื่อการโตในอนาคต

นักลงทุนอาจมองว่า เราให้บริการขนส่งทางเรือเป็นหลัก ซึ่งทำให้มีความแกว่งตัวของการทำกำไร  ซึ่งในอดีตเป็นสิ่งที่ปฎิเสธไม่ได้ ดังนั้นกลยุทธ์ของบริษัท หรือ แผน 5 ปี ที่ยังมีเวลาเหลืออีก 3 ปี  เราจะพยายามลดสัดส่วนรายได้ที่มาจากทางเรือลง ให้เหลือ 45% และเพิ่มการขนส่งประเภทอื่น เช่น เราเริ่มทำการขนส่งแบบ Cold Chain Logistics ผ่านบริษัทย่อย ปีนี้เป็นปีที่ 2 ซึ่งขั้นตอนต่อไป ทำได้ เรื่อง  Warehouse ซึ่งจะทำทั้งในส่วนของ Warehouse สินค้าทั่วไป  และสินค้าที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิ เป็นเป้าหมายต่อไปของบริษัทที่จะขยายธุรกิจออกไป เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า บางรายที่จ้าง AMA ขนสินค้า แล้วยังให้หาสายเรือ  มีพื้นที่พักตู้ และมี Warehouse ซึ่งแนวทางนี้เป็นสิ่งที่เราจะพยายามเดินไปภายใน 3 ปี 

ศึกษาการใช้พลังงานสะอาด
ในส่วนของเรือ การเปลี่ยนแปลงหรือส่งผ่านจะใช้เวลาเป็น 10 ปี เนื่องจากอายุการใช้งานเรือจะยาว ดังนั้นการบังคับใช้กับเรือ จะเน้นการปล่อยก๊าซที่ทำลายโลก ซึ่งของบริษัท AMA เรือได้รับการจัดอันดับที่เกรด A 4 ลำ และ เกรด B 1 ลำ ส่วนทางรถ เรากำลังศึกษาการใช้พลังงานไฟฟ้า เพราะหากเป็นรถที่วิ่งส่งสินค้าทั่วประเทศ ปัญหาเรื่องจุดเติมพลังงานยังไม่เพียงพอ และรถที่จะเน้นในช่วงแรก จะเป็นรถ 10 ล้อก่อน เนื่องจากเป็นรถที่วิ่งในจุดที่สามารถเติมพลังงานไฟฟ้าได้ดีกว่า และอายุการใช้งานรถค่อนข้างยาว 

มั่นใจธุรกิจแกร่งไม่ถูก Disruption

บริษัทยังมั่นใจว่าการให้บริการขนส่งยังเป็นธุรกิจที่โดนดิสรัป (Disruption) ยาก AMA ยังทำกำไรอย่างต่อเนื่อง และมีการปันผลที่ดี  แม้สภาพคล่องอาจเป็นปัจจัยที่นักลงทุนกังวล แต่คิดว่า ถ้าบริษัทสามารถพิสูจน์ตัวเองได้ นักลงทุนจะหันมาสนใจหุ้น และซื้อขายในตลาดมากขึ้น
AMA