สัมภาษณ์พิเศษ : "ไทยฟู้ดส์ เฟรช มาร์เก็ต" New S Curve ช่วยหนุนรายได้ TFG โตอย่างยั่งยืน
ติดตามมุมมองและแนวคิดผู้บริหาร บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) เกี่ยวกับการตั้ง "ไทยฟู้ดส์ เฟรช มาร์เก็ต" New S Curve ใหม่ ซึ่งจะมีความโดดเด่นและมีเป้าหมายอย่างไร กับ “เพชร นันทวิสัย” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ
โครงสร้างธุรกิจของ TFG
บริษัทเป็นผู้ผลิตอาหารครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ มีธุรกิจมี 4 ส่วน
1.ไก่ สร้างรายได้ 30%
2.สุกรในไทยและเวียดนาม รวมถึงโรงชำแหละ สร้างรายได้ 30%
3.ธุรกิจฟีด ซึ่งเป็นธุรกิจที่เราผลิตอาหารสัตว์ และขายให้ลูกค้า สร้างรายได้ 10%
4.ธุรกิจด้าน Retail ร้านค้าปลีก "ไทยฟู้ดส์ เฟรช มาร์เก็ต" เป็นNew S Curve ปัจจุบันมี 380 สาขา สิ้นปีมี 450 สาขา
สรุปเหตุผลลุยธุรกิจ Retail
บริษัทเริ่มต้นทำธุรกิจในแบบ B2B โดยเน้นการขายให้กับบริษัทใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ในช่วงโควิดทำให้กระทบการส่งออกไก่ เริ่มตั้งแต่การปิดประเทศครั้งแรกในปี 2020 ทำให้การซื้อขายสินค้าต้องหยุดชะงักลง จนเกิดความคิดว่า ควรต้องมีช่องทางการจัดจำหน่ายของเราเอง จึงเริ่มต้นทำธุรกิจ Retail ร้านค้าปลีก "ไทยฟู้ดส์ เฟรช มาร์เก็ต" ในปี 2020 เริ่มจาก 2 สาขา แล้วขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันมีเกือบ 400 สาขา
ซึ่งจุดเริ่มต้นที่มาจากความต้องการมีช่องทางจัดจำหน่ายของตัวเอง แต่ผลประโยชน์ที่ได้กลับมามีมากกว่าที่คาดการณ์ สามารถประหยัดต้นทุนในการผลิต เพราะเราสามารถสร้างโรงงานและออกแบบไลน์การผลิตได้ต้นทุนที่ถูกที่สุด รวมทั้งต้นทุนด้านการขนส่งที่สามารถกำหนดได้จากการเลือกทำเลการตั้งสาขาให้ได้ประโยชน์มากที่สุด
วางเป้าหมาย“ไทยฟู้ดส์ เฟรช มาร์เก็ต”อย่างไร
“ไทยฟู้ดส์ เฟรช มาร์เก็ต” จะเป็น New S Curve เป็น แฟล็กชิปที่จะเปลี่ยนตลาด จะเป็นเรือธงที่ขยายตลาดของบริษัท และยังเป็นตัวสร้างรายได้ตัวใหม่ให้กับบริษัท เนื่องจากเป็นสิ่งที่สร้างโอกาสด้านอื่นให้บริษัท เช่น การขายสินค้าปรุงสุก หรือสินค้าอื่นๆในShop ของเรา ทำให้เปลี่ยนโฉม TFG ได้มาก ซึ่งปัจจุบันเรามี หลายพัน SKU มีทั้งอาหารแช่แข็ง อาหารพร้อมปรุง อาหารพร้อมทาน และกลุ่มเนื้อสัตว์ที่เราผลิตเอง ซึ่งช่วงแรก TFG ตั้งแต่จะเน้นขายผลิตภัณฑ์ของตนเอง แต่ปัจจุบันสัดส่วนผลิตภัณฑ์ของบริษัทอยู่ที่ 70% ส่วนสินค้าของบริษัทอื่นอยู่ที่ 30% เนื่องจากเราต้องการให้ร้านของเราเป็น One stop service สำหรับลูกค้า
กลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการ "ไทยฟู้ดส์ เฟรช มาร์เก็ต"
ปัจจุบันมีลูกค้าเข้ามาซื้อของในร้านเราทุกแห่งรวมแล้วเกือบ 2 แสนคนต่อวัน และมีฐานลูกค้าเกือบ 1 ล้านคน ทำให้การออกผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทำได้ง่ายขึ้น
มาร์จิ้นของกลุ่มธุรกิจ
จริงๆแล้ว ในส่วนของธุรกิจค้าปลีก มี Gross Profit ประมาณ 17-20% ทำให้เราสามารถกำหนดราคาเมื่อเทียบกับที่ขายที่โรงเชือด ทำให้กำไรของบริษัทเพิ่มขึ้น และสามารถรักษามาร์จิ้นของบริษัทให้ดีขึ้น ซึ่งในภาพรวมรายได้ปีนี้น่าจะแตะได้ที่ 22,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่อยู่ที่ 18,000 ล้านบาท
โลเคชั่นร้านค้าปลีกปัจจุบัน
สาขาที่อยู่เหนือสุดของเราอยู่ที่จังหวัดพิษณุโลก ภาคใต้มีแค่ที่ประจวบคีรีขันธ์ ภาคตะวันออกและตะวันตก ก็มีสาขา ซึ่งครอบคลุมพื้นที่สำคัญทั่วประเทศ สำหรับแนวทางการขยายสาขาในแต่ละพื้นที่จะอยู่ที่โลจิสติกส์ และSupply Chain เป็นหลัก ทางภาคตะวันออกเรามี Supply Chain อยู่ที่ปราจีนบุรี ส่วนตะวันตกมีที่ กาญจนบุรี นครปฐม ทางอีสานอยู่ที่ขอนแก่น
มูลค่าการลงทุนในแต่ละสาขา
การลงทุนอยู่ที่สาขาละประมาณ 8-10 ล้านบาท ที่เราปรับการลงทุนให้เพิ่มเป็นสาขาละ 10 ล้านบาท เนื่องจากต้องการพื้นที่ที่มากขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ซึ่งในครึ่งปีหลังจะใช้เงินลงทุนอยู่ที่ประมาณ 700 ล้านบาท
รายได้ของบริษัท
มาจากผลิตภัณฑ์ไก่และสุกร ประมาณประเภทละ 30% จากร้านค้าปลีก "ไทยฟู้ดส์ เฟรช มาร์เก็ต" ประมาณ 30% ส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจ Feed ประมาณ 10%
แผนการลงทุนของTFG
ปีนี้คิดว่าการลงทุนหลักอยู่ที่กลุ่ม "ไทยฟู้ดส์ เฟรช มาร์เก็ต" ประมาณ 1,000 ล้านบาท และอาจมีการลงทุนในธุรกิจสุกรในเวียดนาม และการเตรียมตัวเพื่อรองรับปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ โดยรวมการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 2,000 กว่าล้านบาท
แผนระยะ 3-5 ปีข้างหน้า
เราน่าจะเดินโดยเน้น ร้านค้าปลีก"ไทยฟู้ดส์ เฟรช มาร์เก็ต" ซึ่งเป็นเรือธงของเราในประเทศไทย ขณะที่การลงทุนหลักในประเทศเวียดนามยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ทั้งเรื่องของประชากรที่อายุไม่มาก ทำให้ยังมีกำลังซื้อ