Wealth Sharing

Uptick แผลงฤทธิ์! ฉุด “ชอร์ตเซล” ลดลงกว่า 80% ถึงเวลายึดกระดานหุ้นไทยคืนจากต่างชาติ?


02 กรกฎาคม 2567

ชัดแล้ว! การบังคับใช้ Uptick Rule เพื่อควบคุมเรื่อง SHORT SELL วานนี้ (1 ก.ค.67) เป็นวันแรก พบว่าส่งผลทำให้มูลค่าธุรกรรม SHORT SELL ปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นักวิเคราะห์คาดมีส่วนทำให้แรงกดดันต่อราคาหุ้นลดระดับลง แต่ขณะเดียวกันทำให้มูลค่าการซื้อขายของตลาดฯ ลดลงไปด้วย

WS (เว็บ) Uptick แผลงฤทธิ์!_0.jpg

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า Uptick จุดเริ่มต้น ยึดกระดานตลาดหุ้นไทย คืนจากต่างชาติ โดยในปี 2566 และนับจากต้นปี 2567 ถึงปัจจุบัน (YTD) ต่างชาติมีสัดส่วนซื้อขายหุ้นไทยสูงเกินกว่าครึ่งหนึ่งของ มูลค่าซื้อขายรวม ที่ 52.3% และ 54.0% ตามลำดับ และนักลงทุนไทยเหลือสัดส่วน 47.7% และ 46.0% ตามลำดับ 

อย่างไรก็ตามในมุมมองของฝ่ายวิจัยฯ จุดเริ่มต้นเปลี่ยนเกมอาจเกิดขึ้นในวานนี้ หลังตลาดฯ ประกาศใช้กฎ Uptick เป็นวันแรก ผลลัพธ์ถือว่าทำงานได้ดี และน่าจะเป็นจุดเริ่มต้น ค่อยๆ ยึดกระดานตลาดหุ้นไทย คืนจากต่างชาติได้ ด้วยเหตุผลต่างๆ ดังนี้

1.ต่างชาติสลับมาซื้อสุทธิเล็กน้อยในตลาดหุ้นไทย 338 ล้านบาท (หลังจากขายสุทธิติดต่อกันยาวนานถึง 27 วันทำการกว่า 5.16 หมื่นล้านบาท) 2.ต่างชาติสลับมา LONG สุทธิ SET50 FUTURES 1,984 สัญญา (หลังจากขายสุทธิติดต่อกัน 3 วัน)

3.สัดส่วนการ SHORT SELL เหลือเพียง 3.7% ของมูลค่าซื้อขาย และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในปีนี้ (YTD) ที่ 12.9% 4.มูลค่าธุรกรรม SHORT SELL ลดลงเหลือ 1.2 พันล้านบาท ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย SHORT SELL ในปีนี้ (YTD) ที่ 5.5 พันล้านบาทต่อวัน หรือลดลงกว่า 79% และเป็น % ที่ลดลงเท่ากับช่วงที่ใช้มาตรการ Uptick ตอนเกิด COVID-19 พอดี

และ5.ปริมาณการ SHORT SELL ผ่าน NVDR เหลือเพียง 392 ล้านบาท น้อยกว่า ค่าเฉลี่ยในช่วง 1 เดือนกว่าๆ ที่ 3.1 พันล้านบาทต่อวัน หรือลดลงกว่า 87%

ทั้ง 5 ส่วนที่กล่าวมา แสดงให้เห็นถึง MOMENTUM ที่ต่างชาติชะลอการ SHORT SELL ปกติ และ SHORT ผ่าน NVDR รวมถึงขายสุทธิน้อยลง 

ที่สำคัญคือ เริ่มเห็นสัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนไทยในวันที่ 1 ก.ค. 67 ที่กลับมาเกินครึ่งหนึ่ง หรืออยู่ที่ 55.3% มาจากนักลงทุนรายย่อยถึง 37.7% และกองทุน 8.7% ซึ่งคาดว่าสัดส่วนการซื้อขายของกองทุนจะค่อยๆเร่งตัวขึ้นหลังมีกองทุน THAIESG เข้ามา น่าจะหนุนให้สัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 11- 13% เหมือนช่วงที่มีกองทุน LTF ในปี 2560 – 2563 ได้

ดังนั้น FLOW ต่างชาติไหลออก 1.5 ปี 3 แสนล้านบาท แต่เริ่มเห็นแต่เริ่มเห็น สัญญาณที่ดีขึ้นจากมาตรการ ตลท. จนทำให้หุ้นหลายตัวมียอด SHORT คงค้าง ลดลงอย่างมีนัยฯ จึงเป็นโอกาสทยอยสะสมสำหรับหุ้นพื้นฐานดีในหุ้นกลุ่มนี้ รวมถึง หุ้นลงมาลึกหวังรีบาวด์ อาทิ EA, AOT, GULF, SCC, CPAXT, IVL, CPALL, CPN, GPSC และ PTTGC เป็นต้น