EA ปีนี้รายได้โรงไฟฟ้า 9 พันลบ. ลั่น Adder หมดไม่กระทบ ชี้ยังมีเงินสดเข้า เชื่อธุรกิจรถเมล์ไฟฟ้าคุ้มทุนภายใน 1 ปี
นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า ประเด็นความกังวลถึงกระแสเงินที่จะลดลงตาม Adder ของโรงไฟฟ้าที่จะทยอยหมดลงตั้งแต่ปี 2567-2571 นั้น
ไม่ใช่เรื่องใหม่และ Adder ที่จะหมดลง บริษัทยังมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าตามปกติ โดยคาดการณ์รายได้ในธุรกิจไฟฟ้าปีนี้ยังอยู่ 9 พันล้านบาท และจะลดลงเหลือ 5 พันล้านบาท ภายในปี 73 ซึ่งบริษัทยังคงมีกระแสเงินสดเป็นรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ และรายได้ดังกล่าวไม่ได้หายไปทั้งหมดหรือลดลงจนเหลือศูนย์
ขณะเดียวกันในส่วนของโรงงานแบตเตอรี่ของ EA ซึ่งหลายฝ่ายกังวลเรื่องความสามารถการแข่งขัน หลังจากราคาแบตฯ ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ที่ผ่านมาบริษัทและพันธมิตร ได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวเป็นอย่างดี และได้ทำการศึกษาพร้อมกับปรับปรุงเทคโนโลยีที่ใช้ในกระบวนการผลิต จนขณะนี้ทำให้ต้นทุนปรับลดลงอยู่ใกล้เคียงระดับที่สามารถแข่งขันได้
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เตรียมแผนรองรับโดยการขับเคลื่อนธุรกิจไปในทิศทางที่สอดคล้องกับเมกะเทรนด์โลก ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนด้านแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการหาโปรเจคใหม่เพื่อสร้างรายได้อื่นๆ เพิ่มเติม จากการขยายการลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งใน และต่างประเทศด้วย
ในช่วงที่ผ่านมาก็ได้มีการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าขยะในจังหวัดภูเก็ตขนาด 9.9 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสร้างเสร็จภายในปี 2569 ขณะเดียวกันยังได้มีการเซ็น PPP ตั้งศูนย์จัดการขยะบนพื้นที่เกาะล้าน โดยมีสัญญาระยะ 5 ปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานเชิงรุกที่มีอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้ร่วมทุนกับรัฐบาลกับประเทศสปป.ลาว ในบริษัท Super Holding Company ซึ่งประกอบธุรกิจบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดแบบรวมศูนย์ของ สปป.ลาว ซึ่งคาดคาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนราว 200 ล้านดอลลาร์ฯ หรือราว 7-8 พันล้านบาท โดยบริษัทจะถือหุ้นในสัดส่วน 35% และรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 65%
นอกจากนี้ บริษัทยังมี Product Champions อาทิ การจับมือพันธมิตรแตกไลน์เข้าสู่ธุรกิจเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF), ความร่วมมือกับ CRRC Dalian ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ผู้นำธุรกิจรถไฟความเร็วสูงของจีน ร่วมผลิตหัวรถจักรไฟฟ้า,เป็นผู้นำด้านการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ (Commercial EV) และสถานีชาร์จของบริษัทได้รับการจดสิทธิบัตร ultra-fast charge ในระดับโลก มีหัวชาร์จมากกว่า 2,000 จุดครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ
ทางด้านรถโดยสารไฟฟ้าของบริษัท ไทยสมายบัส จำนวน 2,000 คัน ได้ให้บริการมีผู้โดยสารใช้บริการมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉลี่ยจำนวนผู้โดยสารขณะนี้ประมาณ 350,000 คน/วัน เชื่อว่าภายใน 1 ปีจะสามารถถึงจุดคุ้มทุนได้
ในส่วนของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ภายใต้การดำเนินธุรกิจของ NEX ปัจจุบันมีคู่ค้าและพันธมิตรทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ พร้อมที่จะมาซื้อรถยนต์ไฟฟ้าและใช้บริการของ NEX และบริษัทขอยืนยันได้เตรียมเงินสดไว้เพียงพอสำหรับการเพิ่มทุนของ NEX ในครั้งนี้ เพื่อช่วยให้ฐานทุนที่แข็งแรงสำหรับการขยายธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคตต่อไปได้ สำหรับหุ้นเพิ่มทุนที่ขาย PP ให้กับนายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ได้รับการยืนยันว่ามีความพร้อมที่จะใส่เงินเพิ่มทุน เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจร่วมกับบริษัท
"ราคาหุ้น EA ในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง ไม่ได้สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง หรือ Valuation ของธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก จากธุรกิจทั้งกลุ่มบริษัท ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ ยานยนต์ไฟฟ้า พลังงานทดแทน ที่เป็นเมกะเทรนด์" นายสมโภชน์ กล่าวเพิ่มเติม
ด้านนายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA กล่าวถึง ฐานะทางการเงินของบริษัทยังแข็งแกร่ง เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจไม่ว่าจะเป็นการขยายธุรกิจ การเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับกับชำระคืนหนี้หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดปีนี้ประมาณ 5.5 พันล้านบาท
ด้วยการออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิม (Roll Over) โดยมั่นใจว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน ด้วยอันดับเครดิตเรทติ้งจากทริสเรทติ้งที่ยังอยู่ในอันดับ BBB+ ซึ่งอยู่ในกลุ่ม Investment Grade และสามารถให้ผลตอบแทนหรือดอกเบี้ยในระยะสั้นและระยะยาวที่ค่อนข้างสูง
อย่างไรก็ดี หากไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนตามคาด บริษัทก็ยังมีรูมที่จะกู้ยืมเงินจากสถาบันทางการเงินพันธมิตร ซึ่งปัจจุบันอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ที่ระดับ 1.5-1.6 เท่า รวมไปถึงกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในธุรกิจโรงไฟฟ้าที่จะทยอยเข้ามาในแต่ละเดือน จึงมั่นใจว่าบริษัทจะมีศักยภาพและความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยและชำระหนี้หุ้นกู้ได้ตรงตามกำหนดอย่างแน่นอน