กระดานข่าว
ซีพีเอฟ จับมือคู่ค้า ยกระดับกระบวนการจัดหาบรรจุภัณฑ์กระดาษ ปลอดการตัดไม้ทำลายป่าตามมาตรฐานโลก
03 กรกฎาคม 2567
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ประกาศความสำเร็จในความร่วมมือกับคู่ค้ายกระดับกระบวนการจัดหาบรรจุภัณฑ์กระดาษที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่า ได้รับการรับรองจาก "องค์กรจัดการด้านป่าไม้" (Forest Stewardship Council) หรือ FSC องค์กรระดับโลกที่ส่งเสริมและดูแลมาตรฐานการจัดการด้านป่าไม้อย่างยั่งยืน
นางสาวธิดารัตน์ เดชายนต์บัญชา ผู้บริหารสูงสุดสายงานจัดซื้อกลาง ของซีพีเอฟ กล่าวว่า "การที่บรรจุภัณฑ์ของซีพีเอฟได้รับการรับรอง FSC เป็นผลสำเร็จจากความร่วมมือกับคู่ค้าธุรกิจของบริษัท โครงการ ‘Partner to Grow…เติบโตเคียงข้าง อย่างยั่งยืน’ เพื่อพัฒนากระบวนการจัดหาวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์จากห่วงโซ่การผลิตที่ดูแลสิ่งแวดล้อม รับผิดชอบต่อสังคม และมีการกำกับดูแลกิจการที่ดีตามหลัก ESG (Environment, Social, Governance) สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของซีพีเอฟในการบริหารและจัดการห่วงโซ่คุณค่า ตามความมุ่งมั่นในการปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพและนโยบายต่อต้านการตัดไม้ทำลายป่า
ซีพีเอฟได้ร่วมมือกับคู่ค้าผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษในการพัฒนาและจัดหาบรรจุภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบที่เป็นไปตามมาตรฐานการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืนของ FSC ซึ่งทั่วโลกให้การยอมรับ เพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสนับสนุนความหลากหลายทางชีวภาพ ปัจจุบันกล่องบรรจุอาหารสำเร็จรูปพร้อมทานแบรนด์ Kitchen Joy ซึ่งวางจำหน่ายทั่วทวีปยุโรปใช้บรรจุภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจาก FSC นอกจากนี้ ซีพีเอฟยังได้เริ่มนำกล่องกระดาษลูกฟูกที่ได้รับรองมาตรฐานนี้มาใช้เพื่อขนส่งสินค้าอีกด้วย
"การได้รับการรับรอง FSC เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนาห่วงโซ่คุณค่า เพื่อตอบสนองต่อแนวโน้มของผู้บริโภคทั่วโลกที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมทั้งการส่งเสริมและสนับสนุนคู่ค้าธุรกิจให้ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเติบโตไปพร้อมกัน ยิ่งไปกว่านี้ ผู้บริโภคยังสามารถมั่นใจได้ว่าได้ซื้อสินค้าที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เมื่อพบตราสัญลักษณ์ FSC บนกล่องบรรจุภัณฑ์" นางสาวธิดารัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับรองมาตรฐาน FSC เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “PARTNER TO GROW…เติบโต เคียงข้าง อย่างยั่งยืน” ซึ่งในปีนี้ดำเนินต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เป็นแนวทางที่จะช่วยยกระดับขีดความสามารถของคู่ค้าธุรกิจทั้งผู้ประกอบการขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ในทุกมิติ โดยบูรณาการความร่วมมือกับคู่ค้าธุรกิจในการพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานรับมือกับสถานการณ์และความท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้น ตลอดจนสร้างสรรค์นวัตกรรมและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีรองรับการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว เพิ่มขีดความสามารถในส่งมอบสินค้าคุณภาพสูง มีความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ควบคู่กับรับผิดชอบต่อสังคม อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สร้างสมดุลระบบนิเวศ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั่วโลก
นางสาวธิดารัตน์ เดชายนต์บัญชา ผู้บริหารสูงสุดสายงานจัดซื้อกลาง ของซีพีเอฟ กล่าวว่า "การที่บรรจุภัณฑ์ของซีพีเอฟได้รับการรับรอง FSC เป็นผลสำเร็จจากความร่วมมือกับคู่ค้าธุรกิจของบริษัท โครงการ ‘Partner to Grow…เติบโตเคียงข้าง อย่างยั่งยืน’ เพื่อพัฒนากระบวนการจัดหาวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์จากห่วงโซ่การผลิตที่ดูแลสิ่งแวดล้อม รับผิดชอบต่อสังคม และมีการกำกับดูแลกิจการที่ดีตามหลัก ESG (Environment, Social, Governance) สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของซีพีเอฟในการบริหารและจัดการห่วงโซ่คุณค่า ตามความมุ่งมั่นในการปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพและนโยบายต่อต้านการตัดไม้ทำลายป่า
ซีพีเอฟได้ร่วมมือกับคู่ค้าผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษในการพัฒนาและจัดหาบรรจุภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบที่เป็นไปตามมาตรฐานการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืนของ FSC ซึ่งทั่วโลกให้การยอมรับ เพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสนับสนุนความหลากหลายทางชีวภาพ ปัจจุบันกล่องบรรจุอาหารสำเร็จรูปพร้อมทานแบรนด์ Kitchen Joy ซึ่งวางจำหน่ายทั่วทวีปยุโรปใช้บรรจุภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจาก FSC นอกจากนี้ ซีพีเอฟยังได้เริ่มนำกล่องกระดาษลูกฟูกที่ได้รับรองมาตรฐานนี้มาใช้เพื่อขนส่งสินค้าอีกด้วย
"การได้รับการรับรอง FSC เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนาห่วงโซ่คุณค่า เพื่อตอบสนองต่อแนวโน้มของผู้บริโภคทั่วโลกที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมทั้งการส่งเสริมและสนับสนุนคู่ค้าธุรกิจให้ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเติบโตไปพร้อมกัน ยิ่งไปกว่านี้ ผู้บริโภคยังสามารถมั่นใจได้ว่าได้ซื้อสินค้าที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เมื่อพบตราสัญลักษณ์ FSC บนกล่องบรรจุภัณฑ์" นางสาวธิดารัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับรองมาตรฐาน FSC เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “PARTNER TO GROW…เติบโต เคียงข้าง อย่างยั่งยืน” ซึ่งในปีนี้ดำเนินต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เป็นแนวทางที่จะช่วยยกระดับขีดความสามารถของคู่ค้าธุรกิจทั้งผู้ประกอบการขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ในทุกมิติ โดยบูรณาการความร่วมมือกับคู่ค้าธุรกิจในการพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานรับมือกับสถานการณ์และความท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้น ตลอดจนสร้างสรรค์นวัตกรรมและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีรองรับการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว เพิ่มขีดความสามารถในส่งมอบสินค้าคุณภาพสูง มีความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ควบคู่กับรับผิดชอบต่อสังคม อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สร้างสมดุลระบบนิเวศ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั่วโลก