Wealth Sharing

ตะลึง! ยอดมาร์จิ้นคงค้าง ในตลาดหุ้นยังสูงถึง 2.69 แสนลบ. เตือนนักลงทุนต้องระวัง


05 กรกฎาคม 2567
เรื่อง MARGIN CALL หรือการเรียก เงินที่วางหลักประกันคืน ยังถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทย ล่าสุดนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด มีความเห็นว่า ตลาดหุ้นไทยถูกกดดันมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 ถึงปัจจุบัน โดยมี FUND FLOW ไหลออกไปถึง 3 แสนล้านบาท กดดัน SET INDEX ปรับตัวลงมาเร็วถึง 22% 

WS (เว็บ) ตะลึง! ยอดมาร์จิ้นคงค้าง_0.jpg

พอหุ้นตกลงมานานๆ ต่อเนื่อง ปัญหาที่ตามมา คือ การเกิด MARGIN CALL หรือการเรียก เงินที่วางหลักประกันคืน โดย ณ สิ้นปี 2565 มีเม็ดเงินที่วางหลักประกันในตลาดหุ้นไว้ 3.78 แสนล้านบาท แต่เดือน พ.ค. 2567 เหลือเม็ดเงินที่วางหลักประกันคงค้าง 2.69 แสนล้านบาท หรือ มีสัดส่วนราว 1.68% ของมูลค่าตลาด

และหากลงรายละเอียดเป็นรายหุ้นจะเห็นได้ว่า มีหลายหุ้นที่ตกหนัก และถูกกดดันจนระดับ MARGIN คงค้างหายไปเยอะมาก ในช่วงปลายปี 2565 – ปลายเดือน พ.ค. 2567 อาทิ PRIME, MORE, JKN, CV, CIG, TCC, STARK, META

ขณะที่ปัจจุบันยังมีหุ้นที่ระดับ MARGIN คงค้าง ณ พ.ค. 67 ยังอยู่ในระดับสูง แต่ราคาหุ้นในเดือน มิ.ย. – 4 ก.ค. 67 ถูกกดลงมามาก อย่าง YGG, NRF, III, APCS, ECL, SNNP, PLUS, TKC, NEX, DOD, FN, TCMC, TWZ, NCL, EA แสดงว่าหุ้นดังกล่าวมีความเสี่ยง หรืออาจอยู่ในสถานะการณ์เผชิญปัญญา เรื่อง MAGIN CALL 

ดังนั้นนักลงทุนที่ตัดสินใจลงทุนจะต้องใช้ความระมัดระวัง และ ติดตามข่าวสารของบริษัทอย่างใกล้ชิด รวมถึงรอดูตัวเลข MARGIN CALL จากทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่จะอัพเดทใหม่ ถ้าหุ้นดังกล่าวมีสัดส่วน MARGIN คงค้างเหลือน้อยมากๆ ไม่ถึง 1% ความผันผวนในหุ้นดังกล่าวก็มีโอกาสลดลง หรือมีโอกาสรีบาวน์ได้บ้าง