สัมภาษณ์พิเศษ : FM ชูจุดแข็งผลิตไก่แปรรูป สร้างมูลค่าเพิ่มเน้น “Food Technology”

บมจ.ฟู้ดโมเม้นท์ (FM) ประกอบธุรกิจไก่แปรรูป  ซึ่งบริษัทมีความแตกต่างและมีจุดแข็งอย่างไรในการทำตลาด รวมทั้งวางเป้าหมายการเติบโตหลังเข้าระดมในตลาดหลักทรัพย์อย่างไร ไปติดตามมุมมองนี้กับ “ณัฐพล ดุษฎีโหนด” CEO ของบริษัท



ลักษณะธุรกิจของ FM 
บมจ.ฟู้ดโมเม้นท์ (FM)  เป็นHolding Company  ที่ลงทุนในบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจอาหาร ซึ่งมี  3 ธุรกิจ ได้แก่ 1.  โรงชำแหละไก่ส่งออก  มีกำลังการผลิต 144,000 ตัว/ วัน  2. ไก่แปรรูปปรุงสุก  มีกำลังการผลิต  27,000 ตัน/ปี    3.ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นธุรกิจในอนาคต โดยจะเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ By Product  เช่น ขนไก่  หรือโครงไก่ หรือเครื่องในไก่  ซึ่งปัจจุบันจะขายในประเทศ  ทำให้เพิ่มมูลค่าให้กลุ่มนี้  ซึ่งอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นสิ่งที่บริษัทสนใจ 

สัดส่วนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ FM
ส่งออก 53% และในประเทศ 47%   เรามีแผนเน้นผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูป  และไปตลาดส่งออก ใน 3 ปีตั้งเป้า ส่งออก 65%  ปัจจุบันส่งออกมีมากกว่า 10 ประเทศทั่วโลก  ตลาดหลักเป็นประเทศ ญี่ปุ่น  EU  จีน  มาเลเซีย  เป็นต้น 

จุดแข็งของ FM 
บริษัทมองตัวเองเป็น Premium Food  Producer  ในห่วงโซ่การผลิตไก่  มี3 ส่วน ได้แก่  Feed  Farm  Food   โดยในส่วนของ FM  เน้นที่ Food  หรือปลายน้ำ  โดยทำสินค้าไก่ และเพิ่มมูลค่า ทำให้เป็นอาหารแบบ  Ready to Eat  โดยเรามีลูกค้า กลุ่ม Premium  Global Brand ของโลก  เรามีการพัฒนาสินค้าร่วมกัน  โดยมีการใส่ Food Technology ลงไป เพื่อเพิ่มมูลค่า  ทำให้สินค้าเราแตกต่างและปรับเปลี่ยนตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว  

ความแตกต่างของ FM กับคู่แข่ง 
อันดับแรก ธุรกิจเราเน้นที่ Food  ไม่ได้ทำ Feed กับ Farm  สัดส่วนรายได้ก็เป็น ไก่แปรรูปปรุงสุด 38% ของรายได้ทั้งหมด  อีก 62% มาจากเนื้อไก่สด   ซึ่งการเน้นทำธุรกิจไก่แปรรูปทำให้ผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมา มีความผันผวนน้อยกว่าผู้ผลิตไก่รายอื่น  เพราะไก่แปรรูปไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกน้อยกว่า และไก่แปรรูปนับเป็นสินค้าที่มี High Margin  โดยราคาเฉลี่ยของไก่แปรรูปมีราคาสูงกว่าไก่สด ประมาณ 3 เท่า 

Business Model ของบริษัทที่เราเน้น Food ทำให้ 1.ลดความผันผวน 2.มาร์จินดีกว่า 3. ถ้ามีวิกฤติเกิดขึ้น เราดูแลได้ดีกว่า 4.ถ้ามีโอกาส เช่น เปิดตลาด UAE  ถ้าทำตั้งแต่ต้นน้ำ ต้องเลี้ยงไก่เพิ่ม เพราะตลาด UAE เป็นตลาดที่ใหญ่มาก 

ลูกค้าที่ FM ให้ความสำคัญ 
เป็นบริษัทที่ทำไก่แปรรูปปรุงสุกที่เป็น Premium  Global Brand  เช่น ในกลุ่มประเทศญี่ปุ่น ร้านสะดวกซื้อที่เป็น Top3 /Top 5  ที่มีสาขามากกว่า  20,000  สาขา  ฝั่งยุโรปที่เป็นลูกค้าจะเป็น Retail  รายใหญ่  ที่มีการพัฒนาสินค้าร่วมกัน และให้เราผลิตสินค้าภายใต้ แบรนด์ของลูกค้า (OEM) 

ซึ่งการจะทำ OEM  ให้กับลูกค้าแต่ละรายจะมีความเข้มข้นมากในการคัดสรรผู้ผลิตแต่ละราย  โดยนอกจากจะดูคุณภาพสินค้าแล้วยังพิจารณาภาพรวมของบริษัทประกอบด้วย ตั้งแต่การเลี้ยงไก่  มาตรฐานคุณภาพสัตว์ การดูแลพนักงาน สิ่งแวดล้อม สังคม ชุมชน เป็นข้อกำหนดต้องทำ   

ดังนั้นการมีลูกค้ากลุ่มนี้อยู่ใน Port Folio ที่แต่ละราย บริษัทใช้เวลามากกว่า 1 ปีในการเปิดธุรกิจด้วยกัน ทำให้การเข้ามาของคู่แข่งทำได้ยาก ซึ่งถือว่าเป็นจุดได้เปรียบของบริษัทในการทำธุรกิจ โดยหากมองในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาลูกค้ากลุ่มนี้จะมีการซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง และเติบโตไปด้วยกัน  

ภาพรวมการแข่งขันในตลาด Premium 
ในแต่ละปี ประเทศไทยส่งออกไก่แปรรูปปรุงสุก ประมาณ 580,000  ตัน คิดเป็น 93,000 กว่าล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 7% ต่อปี ซึ่งปัจจุบันไทยเป็นอันดับ 1 ของโลกในตลาดส่งออกไก่แปรรูปปรุงสุก โดยมีส่วนแบ่งตลาด 28%  ทิ้งห่างคู่แข่งอย่างประเทศจีน หรือประเทศในยุโรป 

เรามองว่าไทยยังมีศักยภาพอีกมาก เพราะผู้บริโภคในกลุ่มประเทศญี่ปุ่น และยุโรป มองไก่ของไทยเป็นสินค้า Premium  ส่วน FM เรามีสัดส่วนการส่งออกไก่แปรรูป Top 10 ของประเทศ และเรามีแผนที่จะขยายธุรกิจโดยตั้งเป้าเป็น Top 5 ของประเทศใน 3 ปี   ซึ่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 28% 

กลยุทธ์ของ FM
ตั้งแต่ที่ทำธุรกิจเรา Focus ลูกค้าไปที่กลุ่ม  Premium Global Brand   ซึ่งกลุ่มนี้เวลาทำธุรกิจด้วยกัน ทั้ง 2 ฝั่งต้องการพันธมิตรระยะยาว เนื่องจากการที่มีข้อกำหนดมากกว่าจะทำธุรกิจด้วยกัน ต้องใช้เวลาเป็นปี และต้องมีการลงทุนร่วมกันทั้งฝั่งผู้ซื้อและบริษัท  ดังนั้นลักษณะลูกค้ากลุ่มนี้จะทำงานด้วยกันอยู่ในกลุ่มเล็กๆ  จะไม่ซื้อไก่จากผู้ผลิตรายอื่นได้ทุกราย จึงเป็นการช่วยป้องกันการเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ๆและเรายังยึดมั่นเรื่องการพัฒนาร่วมกับลูกค้าของเรา  

จุดเด่นของ FM 
เราเป็นบริษัทขนาดกลางที่เน้นเรื่อง R&D  และการทำงาน การพัฒนาร่วมกับลูกค้า   ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างรวดเร็ว ทำให้เราแตกต่างจากบริษัทอื่น ที่เป็นบริษัทใหญ่ ที่มีโครงสร้างการทำงานซับซ้อนกว่า ใช้เวลาในการพัฒนาสินค้านานกว่าเรา
เงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้อย่างไร

เรามีแผนที่จะขยายธุรกิจ โดยนำเงินที่ได้จากการ IPO มานำไปใช้ใน  3 ส่วน  ได้แก่  
1.ปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพโรงชำแหละไก่
2. เพิ่มกำลังการผลิตไก่แปรรูปปรุงสุก ซึ่งปัจจุบันมีกำลังการผลิต 27,000 ตัน/ปี  5 ไลน์การผลิต เรามีแผนที่จะเพิ่มไลน์ที่ 6  จะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 36,000 ตัน/ปี หรือประมาณ 30% 
3.เรามองเรื่องการต่อยอดธุรกิจ เพิ่มมูลค่าสินค้าของไก่ โดยเน้นเรื่อง By Product  ที่คนบริโภคไม่ได้  และส่งออกไม่ได้