กระดานข่าว

Bitcast อัพเดทคดี FTX เจ้าหนี้บางส่วนได้รับเงินคืนแล้ว


09 กรกฎาคม 2567
อดีตกระดานซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีอันดับต้นของโลก สร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนจำนวนมาก โดยมีสาเหตุมาจาก แซม แบงก์แมน-ฟรายด์ (Sam Bankman-Fried : SBF)อดีต CEO ของ FTX กระทำการฉ้อโกงทางการเงิน รวมถึง FTX โยกย้ายเงินทุนระหว่างบริษัทในเครืออย่างไม่เหมาะสม และลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มกังวล เกิดแรงเทขายเหรียญ FTT อย่างหนัก ทำให้สภาพคล่องของ FTX ขาดแคลนไม่สามารถชำระหนี้ได้ และยื่นขอศาลล้มละลายเมื่อปลายปี 2022

Bitcast - FTX.jpg


นายศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์ ผู้ก่อตั้ง บริษัท ไทย บิทแคสต์ จํากัด และนายวรชาติ พิรุณรักษ์เจ้าของเพจ 'เทรดได้กำไรดี' ได้ร่วมพูดคุยและอัพเดทสถานการณ์ปัจจุบันของคดี FTX รายละเอียดดังนี้ 

จากคดีดังกล่าวมีผู้เสียหายที่ไม่สามารถถอนเงินออกจาก FTX ได้รวมเป็นมูลค่ากว่า 8Billions USD คิดเป็นเงินไทยประมาณ 35,000 ล้านบาท หลังจากนั้น FTX ว่าจ้างจอห์น เรย์ (John J. Ray III) มาบริหาร FTX ต่อ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการฟื้นฟูกิจการ ได้สืบหาสินทรัพย์ของ แซมและ FTX ว่ามีอยู่ที่ไหนบ้างและไปยึดคืนกลับมา

หลังจากผ่านกระบวนการศาลร่วมปีกว่า ปัจจุบัน FTX ประกาศว่ามีเงินที่พร้อมจะคืนเจ้าหนี้รวม 8 Billions USD เป็นการตีมูลค่าสินทรัพย์ ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2022 ซึ่งเป็นวันประกาศล้มละลาย โดยวันดังกล่าวราคา Bitcoin อยู่ที่ 15,000 USD 

โดยเงินที่จะนำมาชำระหนี้มาจากราคาสินทรัพย์ดิจิทัลพุ่งสูงขึ้น โดยมูลค่าของคริปโทฯ หลายสกุล รวมถึง Solana ที่เคยได้รับการสนับสนุนจากแซม มีราคาเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้ FTX มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ FTX ยังขายสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ อีกหลายสิบรายการ รวมถึงโครงการร่วมลงทุนต่าง ๆ เช่น การขายหุ้นในบริษัทปัญญาประดิษฐ์ Anthropic ที่ FTX ร่วมลงทุน รวมได้เงินกลับคืนมาทั้งหมด 16,000 Billions USD

ทั้งนี้ ศาลมีคำประกาศว่า FTX จะคืนเงินให้เราจำนวน 109% ถ้ามูลค่าหนี้มากกว่า 50,000 ดอลลาร์ และ 118% ถ้าน้อยกว่านั้น รวมไปถึงปัจจุบันมีข่าวว่า IRS จะได้เงินจำนวน 200 ล้านดอลลาร์ จาก FTX เพื่อเป็น Settlement Tax ให้กับเจ้าหนี้ที่เป็นคนต่างชาติ (Non-Residence USA) ซึ่งทำให้มีเจ้าหนี้หลายคนไม่พอใจ ที่ FTX รวบรวมเงินได้ 2 เท่า แต่จะจ่ายคืนให้ 100% พร้อมดอกเบี้ยนิดหน่อย แต่บางส่วนที่ตีเป็นหนี้สูญแล้วก็คิดว่า ดีกว่าไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลย
นอกจากนี้ การคืนเงินของ FTX ประกาศว่าจะคืนเป็น USD ซึ่งหากไม่โดน Tax จากฝั่งอเมริกา แต่ก็อาจจะโดน Tax ที่ประเทศไทย ตอนนี้เจ้าหนี้บางส่วนจึงรวมตัวกันขอให้ศาลคืนเป็น Stable coin เพื่อที่จะได้วางแผนบริหารภาษีได้ 

และเมื่อศาลตัดสินให้ FTX ชำระเงินคืนเจ้าหนี้แล้ว ก็เกิดมีบริษัทรับซื้อหนี้ ซึ่งมีบริษัทที่เชื่อถือได้ประมาณ 4 ราย เป็นทางเลือกให้กับเจ้าหนี้ที่ไม่อยากรอกระบวนการศาลจนจบ ซึ่งผู้ที่จะขอเคลมได้ ต้องเคยยื่นเรื่องว่าเป็นเจ้าหนี้ของ FTX ผ่าน Kroll หรือที่ PWC ก่อน อย่างไรก็ตาม วงในก็มีข่าวออกมาว่า สำหรับเจ้าหนี้ที่มียอดเกิน 1 ล้านดอลลาร์ ขึ้นไป มีโอกาสที่จะได้รับคืนสูงสุดจาก FTX ประมาณ 145% ซึ่งเจ้าหนี้สามารถพิจารณาว่าจะรอรับตรงจาก Krollหรือตัดสินใจขายให้กับผู้รับซื้อหนี้
 
เกี่ยวกับ Thai Bitcast
Bitcast องค์กรผู้ให้ความรู้ด้านสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำ ก่อตั้งขึ้นด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นแหล่งความรู้ที่น่าเชื่อถือ เกี่ยวกับเรื่องบิตคอยน์และคริปโทเคอร์เรนซี ตั้งใจนำประสบการณ์ทั้งดีและไม่ดีมาแบ่งปัน เพื่อประโยชน์ของนักลงทุน ครอบคลุมทั้งการวิเคราะห์ตลาด กลยุทธ์การลงทุน ข่าวสารล่าสุดและมุ่งเน้นสร้าง Community สำหรับผู้ที่สนใจเพื่อเข้า มาแลกเปลี่ยนวิธีการในการลงทุนผ่านทาง  Website: https://thaibitcast.com/  Facebook: https://facebook.com/thaibitcast และ Youtube: https://www.youtube.com/@ThaiBitcast

นอกจากนี้ ยังเป็นผู้จัดจำหน่าย Hardware Wallet และให้บริการครบวงจรเกี่ยวกับกระเป๋าเงินดิจิทัล เพื่อเป็น ทางเลือกแก่ผู้ใช้งาน ให้มีความหลากหลายในการเลือกผลิตภัณฑ์มากขึ้น ทั้งยังมีโซลูชั่นสำหรับองค์กรที่ต้องการเก็บรักษา คริปโทเคอร์เรนซี ที่รองรับการอนุมัติหลายคน (Multi Signature) รวมถึงให้บริการเป็นที่อบรม และให้คำปรึกษาสำหรับ องค์กรที่ต้องการเข้าใจเรื่องของบิตคอยน์และคริปโทเคอร์เรนซีด้วย “เพราะเราอยากเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางที่ทำให้ ทุกคนท่องโลกคริปโทฯ ได้อย่างปลอดภัย”
FTX