เรื่องเด่นวันนี้
TEGH เข้าสู่โหมด Sustainability to Profitability กฎหมาย EUDR หนุนผลงานโตแรง
10 กรกฎาคม 2567
บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) เปิดแผนและกลยุทธ์ปี 67 เข้าสู่โหมด Sustainability to Profitability ฟากแม่ทัพหญิง “สินีนุช โกกนุทาภรณ์” ประเมินยอดขายยางแท่งปีนี้ สร้างสถิติสูงสุดใหม่ กฎหมาย EUDR หนุน พร้อมตั้งเป้าส่งออกยางพาราตามมาตรฐาน EUDR 1.0 แสนตัน ส่วนปี 68 คาดพุ่งแตะ 2.0-2.5 แสนตัน เตรียมส่งขายลูกค้าภายนอกใน Q4/24 ผูกสัญญายาว 7 ปี มูลค่า 1 พันล้านบาท หรือประมาณ 150 ล้านบาท/ปี หนุนผลการดำเนินงานเติบโตอย่างยั่งยืน
นางสาว สินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (TEGH) ผู้ผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ และน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ในภาคตะวันออก และผู้นำด้านการผลิตพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์แบบครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯได้มีการปรับแผน เข้าสู่โหมด Sustainability to Profitability หรือ การเติบโตอย่างยั่งยืนสู่การสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืน จาก 3 สายธุรกิจ ประกอบด้วย 1.ธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ 2.ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ 3.ธุรกิจด้านผลิตพลังงานทดแทนและการบริหารจัดการกากอินทรีย์ ซึ่งภายหลังจากที่บริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้มีการเดินหน้าขยายกำลังการผลิตยางแท่งตามแผน โดยภายในสิ้นปี 2567 กำลังการผลิตจะเพิ่มเป็น 3.9 แสนตัน เทียบกับปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 3.2 แสนตัน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และในปี 2568 กำลังการผลิตยางแท่งจะเพิ่มเป็น 4.3 แสนตัน
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 และในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากความต้องการยางพาราที่สูงขึ้น อีกทั้งยังได้รับปัจจัยบวกจากความสามารถในการส่งออกยางพาราที่ผลิตตามกฎหมายสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่า (EUDR) คณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 30 ธันวาคม 2567
“เราได้เริ่มส่งออกยางตามมาตรฐาน EUDR ตั้งแต่เดือนเมษายน ที่ผ่านมา และคาดว่าภายในสิ้นปียอดส่งออกยางมาตรฐาน EUDR จะอยู่ที่ 1.0 แสนตัน ก่อนที่จะเพิ่มเป็น 2.0-2.5 แสนตันในปี 2568 ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) เติบโตอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากยาง EUDR มาร์จิ้น สูงกว่าเกรดมาตรฐานราว 3-5% หรืออยู่ที่ระดับประมาณ 15-18%”
น.ส.สินีนุช กล่าวว่า แนวโน้มยอดขายยางแท่งในปี 2567 คาดว่าจะสามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High) ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยจะเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนที่มียอดขาย 197,000 ตัน โดยกลุ่มลูกค้าส่งออกหลักอยู่ในสหรัฐอเมริกา และยุโรป
สำหรับธุรกิจด้านพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์ หลังจากที่เดินระบบและเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ (ไบโอแก๊ส) เฟส 1 ในไตรมาส 4/2566 แล้ว ส่วนโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ (ไบโอแก๊ส) เฟส 2 คาดว่าจะ COD ภายในไตรมาส 2/2568 ซึ่งจะทำให้สามารถรับกากอินทรีย์ และผลิตก๊าซชีวภาพได้เพิ่มขึ้น
“ในไตรมาส 4/2567 เราจะเริ่มขายไบโอแก๊สให้กับลูกค้าภายนอก สัญญา 7 ปี มูลค่า 1,000 ล้านบาท หรือประมาณ 150 ล้านบาท/ปี ส่งผลให้บริษัทฯมีรายได้ประจำ (Recuring Income) ผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต”
ในส่วนของธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ เริ่มมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยหม้อต้มไอน้ำ (Boiler) ลูกใหม่พร้อมใช้งานใน Q3/24 และบริษัทฯ มีแผนที่จะติดตั้งหม้อนึ่งปาล์ม (Sterilizer) เพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้นอีก 50% ภายในปี 2568
ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายรักษาความเป็นผู้นำด้านการผลิต Sustainable Material และเป็นองค์กรที่เน้นการใช้พลังงานหมุนเวียนทดแทนการใช้พลังงานจากฟอสซิลในทุกกระบวนการ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัทฯ ได้เป็น Eco Product อย่างแท้จริง ก้าวสู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนด์ (Carbon Neutral) ภายในปี 2573 และสามารถสร้างผลตอบแทนจากการดำเนินงานด้านความยั่งยืนได้ตามโมเดล Sustainability to Profitability
นางสาว สินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (TEGH) ผู้ผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ และน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ในภาคตะวันออก และผู้นำด้านการผลิตพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์แบบครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯได้มีการปรับแผน เข้าสู่โหมด Sustainability to Profitability หรือ การเติบโตอย่างยั่งยืนสู่การสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืน จาก 3 สายธุรกิจ ประกอบด้วย 1.ธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ 2.ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ 3.ธุรกิจด้านผลิตพลังงานทดแทนและการบริหารจัดการกากอินทรีย์ ซึ่งภายหลังจากที่บริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้มีการเดินหน้าขยายกำลังการผลิตยางแท่งตามแผน โดยภายในสิ้นปี 2567 กำลังการผลิตจะเพิ่มเป็น 3.9 แสนตัน เทียบกับปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 3.2 แสนตัน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และในปี 2568 กำลังการผลิตยางแท่งจะเพิ่มเป็น 4.3 แสนตัน
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 และในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากความต้องการยางพาราที่สูงขึ้น อีกทั้งยังได้รับปัจจัยบวกจากความสามารถในการส่งออกยางพาราที่ผลิตตามกฎหมายสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่า (EUDR) คณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 30 ธันวาคม 2567
“เราได้เริ่มส่งออกยางตามมาตรฐาน EUDR ตั้งแต่เดือนเมษายน ที่ผ่านมา และคาดว่าภายในสิ้นปียอดส่งออกยางมาตรฐาน EUDR จะอยู่ที่ 1.0 แสนตัน ก่อนที่จะเพิ่มเป็น 2.0-2.5 แสนตันในปี 2568 ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) เติบโตอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากยาง EUDR มาร์จิ้น สูงกว่าเกรดมาตรฐานราว 3-5% หรืออยู่ที่ระดับประมาณ 15-18%”
น.ส.สินีนุช กล่าวว่า แนวโน้มยอดขายยางแท่งในปี 2567 คาดว่าจะสามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High) ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยจะเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนที่มียอดขาย 197,000 ตัน โดยกลุ่มลูกค้าส่งออกหลักอยู่ในสหรัฐอเมริกา และยุโรป
สำหรับธุรกิจด้านพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์ หลังจากที่เดินระบบและเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ (ไบโอแก๊ส) เฟส 1 ในไตรมาส 4/2566 แล้ว ส่วนโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ (ไบโอแก๊ส) เฟส 2 คาดว่าจะ COD ภายในไตรมาส 2/2568 ซึ่งจะทำให้สามารถรับกากอินทรีย์ และผลิตก๊าซชีวภาพได้เพิ่มขึ้น
“ในไตรมาส 4/2567 เราจะเริ่มขายไบโอแก๊สให้กับลูกค้าภายนอก สัญญา 7 ปี มูลค่า 1,000 ล้านบาท หรือประมาณ 150 ล้านบาท/ปี ส่งผลให้บริษัทฯมีรายได้ประจำ (Recuring Income) ผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต”
ในส่วนของธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ เริ่มมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยหม้อต้มไอน้ำ (Boiler) ลูกใหม่พร้อมใช้งานใน Q3/24 และบริษัทฯ มีแผนที่จะติดตั้งหม้อนึ่งปาล์ม (Sterilizer) เพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้นอีก 50% ภายในปี 2568
ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายรักษาความเป็นผู้นำด้านการผลิต Sustainable Material และเป็นองค์กรที่เน้นการใช้พลังงานหมุนเวียนทดแทนการใช้พลังงานจากฟอสซิลในทุกกระบวนการ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัทฯ ได้เป็น Eco Product อย่างแท้จริง ก้าวสู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนด์ (Carbon Neutral) ภายในปี 2573 และสามารถสร้างผลตอบแทนจากการดำเนินงานด้านความยั่งยืนได้ตามโมเดล Sustainability to Profitability