นักวิเคราะห์บริษัท เอ็มทีเอส แคปปิตอล จำกัด วิเคราะห์สถานการณ์ราคาทองคำ โดยระบุว่า ภาพรวมราคาทองคำเริ่มกลับมาทรงตัวในทิศทางขาขึ้นระยะสั้นในกรอบ 2,360-2,370 เหรียญหลังจากที่มีแรงเทขายทำกำไรลงไปบริเวณ 2,350 เหรียญ ภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญยังคงจับตาตัวเลขเงินเฟ้อ CPI และ PPI ที่จะประกาศในวันพรุ่งนี้และวันศุกร์
ขณะที่คำแถลงการณ์ของ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ นายเจอโรม พาวเวลล์ ได้มีท่าทีเชิงบวกต่อโอกาสในการลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นสัญญาณทิศทางบวกต่อราคาทองคำ
ในส่วนค่าเงินบาทยังคงทรงตัวที่ 36.43 บาท/ดอลลาร์ คาดว่าในระยะสั้นจะยังคงแข็งค่า กดดันราคาทองคำไทยให้ขยับตัวขึ้นได้ช้าลง ด้านของกองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 1.43 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 833.37 ตันภาพรวมเดือนกรกฎาคม ซื้อสุทธิ 4.32 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 45.74 ตัน
เชิงเทคนิคราคาทองคำ ยังคงกลับขึ้นมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยได้ โดยราคาทองคำกลับเข้าสู่ในแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น คาดว่าจะผันผวนอยู่ในกรอบรอตัวเลขเศรษฐกิจ หากราคาทองคำยืนเหนือ 2,365 เหรียญ ได้ในช่วงนี้ควรจะปิดหรือลดสถานะ Short position คาดว่ามีโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยมีกรอบแนวรับ 2,350 เหรียญ แนวต้าน 2,385 เหรียญ ในส่วนของราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 40,500 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านที่ 41,000 บาท/บาททองคำ
ส่วนบริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ตอบรับการแถลงของประธานเฟด หลังจากที่ประธานเฟดได้มีการแถลงว่าการที่เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเกินไปและนานเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดมีความหวังมากขึ้นว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ในเดือนก.ย. ส่วนกองทุน SPDR ขายทอง 1.43 ตัน
โดยราคาทองคำยังเคลื่อนไหวเหนือแนวรับ 2,340-2,350 ดอลลาร์ ซึ่งยังคงเป็นสัญญาณที่ดี ระยะสั้นคาดว่าราคาทองคำจะยังเคลื่อนไหวเหนือแนวรับดังกล่าว อย่างไรก็ตาม มีโอกาสที่ราคาทองคำฟื้นตัว แต่ยังอยู่ในกรอบจำกัด ทั้งนี้คาดว่าราคาทองคำอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 2,350-2,375 ดอลลาร์
สำหรับ ราคาทองตลาดโลก หากราคาทองคำย่อลงมาบริเวณแนวรับ 2,350 ดอลลาร์ แนะนำเข้าซื้อบริเวณ 2,350 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,340 ดอลลาร์ และขายทำกำไร 2,375-2,380 ดอลลาร์
ส่วนราคาทองคำแท่ง 96.5% ราคาทองคำแท่งคาดเริ่มเคลื่อนไหวทรงตัว ทั้งนี้ระยะสั้นราคาทองคำแท่งคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 40,500-40,900 บาท อย่างไรก็ตามรอจังหวะเข้าซื้อสะสมทองคำแท่งเมื่อราคาทองคำแท่งย่อตัวลง หรือใช้กลยุทธ์ Wait & see
ขณะที่คำแถลงการณ์ของ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ นายเจอโรม พาวเวลล์ ได้มีท่าทีเชิงบวกต่อโอกาสในการลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นสัญญาณทิศทางบวกต่อราคาทองคำ
ในส่วนค่าเงินบาทยังคงทรงตัวที่ 36.43 บาท/ดอลลาร์ คาดว่าในระยะสั้นจะยังคงแข็งค่า กดดันราคาทองคำไทยให้ขยับตัวขึ้นได้ช้าลง ด้านของกองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 1.43 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 833.37 ตันภาพรวมเดือนกรกฎาคม ซื้อสุทธิ 4.32 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 45.74 ตัน
เชิงเทคนิคราคาทองคำ ยังคงกลับขึ้นมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยได้ โดยราคาทองคำกลับเข้าสู่ในแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น คาดว่าจะผันผวนอยู่ในกรอบรอตัวเลขเศรษฐกิจ หากราคาทองคำยืนเหนือ 2,365 เหรียญ ได้ในช่วงนี้ควรจะปิดหรือลดสถานะ Short position คาดว่ามีโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยมีกรอบแนวรับ 2,350 เหรียญ แนวต้าน 2,385 เหรียญ ในส่วนของราคาทองไทยจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 40,500 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านที่ 41,000 บาท/บาททองคำ
ส่วนบริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ตอบรับการแถลงของประธานเฟด หลังจากที่ประธานเฟดได้มีการแถลงว่าการที่เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเกินไปและนานเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดมีความหวังมากขึ้นว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ในเดือนก.ย. ส่วนกองทุน SPDR ขายทอง 1.43 ตัน
โดยราคาทองคำยังเคลื่อนไหวเหนือแนวรับ 2,340-2,350 ดอลลาร์ ซึ่งยังคงเป็นสัญญาณที่ดี ระยะสั้นคาดว่าราคาทองคำจะยังเคลื่อนไหวเหนือแนวรับดังกล่าว อย่างไรก็ตาม มีโอกาสที่ราคาทองคำฟื้นตัว แต่ยังอยู่ในกรอบจำกัด ทั้งนี้คาดว่าราคาทองคำอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 2,350-2,375 ดอลลาร์
สำหรับ ราคาทองตลาดโลก หากราคาทองคำย่อลงมาบริเวณแนวรับ 2,350 ดอลลาร์ แนะนำเข้าซื้อบริเวณ 2,350 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,340 ดอลลาร์ และขายทำกำไร 2,375-2,380 ดอลลาร์
ส่วนราคาทองคำแท่ง 96.5% ราคาทองคำแท่งคาดเริ่มเคลื่อนไหวทรงตัว ทั้งนี้ระยะสั้นราคาทองคำแท่งคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 40,500-40,900 บาท อย่างไรก็ตามรอจังหวะเข้าซื้อสะสมทองคำแท่งเมื่อราคาทองคำแท่งย่อตัวลง หรือใช้กลยุทธ์ Wait & see