Wealth Sharing

หุ้นโรงไฟฟ้าวอลุ่มแน่น รับข่าว “ค่าไฟพุ่ง” ค่า Ft เพิ่มขึ้นทุก 1 สตางค์ หนุนกำไร GPSC-BGRIM กว่า 1.1-1.4%


12 กรกฎาคม 2567

ราคาหุ้นโรงไฟฟ้าวันนี้ (12 ก.ค. 67) วิ่งรับข่าวดี ค่า Ft อาจจะปรับเพิ่มขึ้น ล่าสุดดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)  เปิดเผยว่า จากแนวโน้มค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลงจากงวดก่อนหน้า 1.29 บาทต่อเหรียญสหรัฐ (งวด พ.ค. - ส.ค. 2567) เป็น 36.63 บาทต่อเหรียญสหรัฐ

WS (เว็บ) หุ้นโรงไฟฟ้าวอลุ่มแน่น_0.jpg

รวมทั้งการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศและต่างประเทศ และการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินแม่เมาะซึ่งมีต้นทุนราคาถูกมีความพร้อมในการผลิตลดลง

และสถานการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติเหลวแบบสัญญาจร (LNG Spot) ในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นจากงวดก่อนหน้า 3.2 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียูตามสถานการณ์ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากกำลังเข้าสู่ฤดูหนาวในปลายปี

โดยเป็นสามสาเหตุหลักซึ่งเป็นปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมส่งผลให้ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้น เมื่อรวมกับการทยอยคืนหนี้ค่าเชื้อเพลิงค้างชำระในงวดก่อนหน้า

ส่งผลให้ค่าไฟในช่วงปลายปีนี้อาจจะต้องปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) ขึ้นในระดับ 46.83-182.99 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.7833 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บในงวด ก.ย. - ธ.ค. 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 4.65-6.01 บาทต่อหน่วยจากงวดก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย

อย่างไรก็ตาม สำนักงาน กกพ. นำค่าเอฟทีประมาณการและแนวทางการจ่ายภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงของ กฟผ. ไปรับฟังความคิดเห็นในกรณีต่างๆ ผ่านทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. ตั้งแต่วันที่ 12 – 26 กรกฎาคม 2567 ก่อนที่จะมีการสรุปและประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป

ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มีความเห็นว่า ประเด็นดังกล่าว  มองบวกระยะสั้นต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า อาทิ GULF, GPSC, BGRIM  และนิคม ROJNA, WHA, AMATA โดย มองบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้าและนิคม โดยกรอบค่าไฟฟ้าดังกล่าวสูงกว่าตลาดคาดหวังเดิมที่ 0.2-0.4 บาท

สำหรับ กลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีฐานลูกค้าอุตสาหกรรมมองจิตวิทยาบวกต่อหุ้นโรงไฟฟ้าที่รับรู้ความเสี่ยงต้นทุนก๊าซเพิ่มขึ้นระยะสั้นโดยเฉพาะกลุ่มที่มีฐานลูกค้าอุตสาหกรรมสูงๆ อาทิ GPSC BGRIM  ไปแล้ว ขณะที่ยังไม่รับรู้โอกาสได้รับภาพบวกค่า Ft ปรับเพิ่มขึ้นช่วยชดเชย

ส่วน หุ้นนิคมที่มีธุรกิจรอง สาธารณูปโภค อาทิ ROJNA (50% ของกำไร) WHA และ AMATA เท่าๆ กันที่ 30-40% ของกำไร

ทั้งนี้ โรงไฟฟ้า เบื้องต้นนักวิเคราะห์ประเมินทุกๆ 1 สตางค์ของค่า Ft ที่ปรับขึ้นจะเพิ่มกำไรให้กับ BGRIM และ GPSC ประมาณ 1.4% และ 1.1% ทั้งนี้ มองยังต้องติดตามท่าทีของภาครัฐฯอีกครั้ง นอกจากนี้ ฝั่งโรงไฟฟ้า กระแสการปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าดังกล่าวคาดสร้างจิตวิทยาบวกต่อ GULF ด้วย

ดังนั้นมองแรงหนุนหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าเข้ามาเพิ่มเติมต่อเนื่อง เสริมภาพผลบวก US Bond Yield และ TH Bond Yield ที่ปรับตัวลงแบบเร่ง ขณะที่กลุ่มนิคมที่มีโรงไฟฟ้าถือเป็นปัจจัยบวกธุรกิจรองเพิ่มเติม ระยะสั้นเน้น GPSC, GULF, WHA