Talk of The Town

แห่เก็งกำไร MTC-TIDLOR-SAWAD หลังราคาร่วง-กังวลคุณภาพสินเชื่อ โบรกฯ มองครึ่งปีหลังฟื้นตัวแรง


12 กรกฎาคม 2567
หลังราคาผู้นำตลาดสินเชื่อทะเบียนรถชั้นนำของเมืองไทย บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) และบมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง วานนี้ (11 ก.ค.) จากความกังวลคุณภาพสินเชื่อ และการตั้งสำรอง ในไตรมาส 2/67

S2T (เว็บ) แห่เก็งกำไร MTC-TIDLOR-SAWAD_0.jpg

อย่างไรก็ตาม วันนี้ (12 ก.ค.) มีแรงเก็งกำไรเข้ามาอย่างหนาแน่น ส่งผลให้ราคาหุ้น MTC ปิดตลาดที่ 41.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.60%  TIDLOR ปิดตลาดที่ 17.60 บาท เพิ่มขึ้น 1.73%  และ SAWAD ปิดตลาดที่  36.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.82% จากมุมมองของบรรดาโบรกเกอร์ที่คาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังฟื้นตัวแรง จากคุณภาพหนี้ และการกันสำรองที่ดีขึ้น

โดยนายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) เปิดเผยว่า ท่ามกลางปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ และหนี้ภาคครัวเรือนที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯมั่นใจว่าจะไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เนื่องจากได้ให้ความสำคัญกับการปล่อยสินเชื่อด้วยความระมัดระวัง โดยเน้นสินเชื่อที่มีหลักประกัน และวงเงินสินเชื่อไม่สูง พร้อมกับมีกระบวนการประเมินที่เข้มงวด รัดกุม และมีการติดตามหนี้อย่างใกล้ชิด จึงป้องกันความเสี่ยงเรื่องเอ็นพีแอลได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ ในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรักษาเอ็นพีแอลที่ระดับ 3.20% ภายใต้ระบบการเก็บหนี้ที่พัฒนาให้ดีขึ้นตั้งแต่กลางปี 2566 จนถึงปัจจุบันที่ทำให้ตัวเลขเอ็นพีแอลลดลงอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นจากตัวเลขเอ็นพีแอลได้ปรับลดลงสู่ระดับ 3.03% ในไตรมาส 1/2567 จึงทำให้มั่นใจว่าภาพรวมตลอดปี 2567 จะรักษาเป้าหมายตัวเลขเอ็นพีแอลไว้ได้อย่างแน่นอน

ด้านบล.กรุงศรี เผยแพร่บทวิเคราะห์ หุ้น MTC โดยแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายปี 67 ที่ 55 บาท เพราะ 1.การพัฒนาการจัดการคุณภาพสินเชื่อในเชิงบวกตั้งแต่ไตรมาส 3/67 2.คาดผลประกอบการไตรมาส 2-4 ในปี 67 คาดเติบโต จากปีก่อนและกำไรสุทธิปี 67 คาดที่ 5,685 ล้านบาท กลับมาเติบโต +16% จากปีก่อนมากกว่ากลุ่มที่ +3% จากปีก่อน

ขณะที่ บล.ทรีนีตี้ ยังคงแนะนำ “ซื้อ” TIDLOR ราคาเป้าหมาย 24 บาทและคงแนวโน้มกําไรปี 67 ที่ 4,483 ล้านบาท +18.26 % จากปีก่อน โดย กําไรงวดครึ่งแรกของปี 67 ที่คาดการณ์ คิดเป็นราว 48.6% ของประมาณการทั้งปี ภายใต้สมมติฐานสินเชื่อ และรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตขึ้น (เป้าบริษัทอยู่ที่ 10-20%จากปีก่อน) แต่มีข้อจํากัดคือการเพิ่มขึ้นของ creditcost อย่างต่อเนื่องกับ คุณภาพสินทรัพย์ที่ด้อยลง และจากประมาณการดังกล่าว เราจึงให้ราคาเป้าหมายปี 67 ที่ 24.00 บาท (อิงวิธี PBV ที่ 2.3 เท่าตาม Gordon Growth Model) ราคาหุ้นปัจจุบันยัง มี Upside จึงแนะนํา “ซื้อ”

ขณะที่บล.อินโนเวสท์เอกซ์ ยังคงคำแนะนำ NEUTRAL และคงราคาเป้าหมาย SAWAD ที่ 43 บาท อ้างอิง PBV 1.95 เท่า (ใช้สมมติฐาน ROE ระยะยาวที่ 16% cost of equity ที่ 10.32% และการเติบโตระยะยาวที่ 4%) หรือ PE ปี 67 ที่ 12 เท่า ผลประกอบการของ SAWAD มีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน เนื่องจากบริษัทเริ่มคุมเข้มนโยบายปล่อยสินเชื่อช้ากว่าบริษัทอื่นๆ 1 ปี