Smart Investment
ย้อนไทม์ไลน์ YGG เห็นแล้วอึ้ง! เจ้าโดนทุบโหด ถึงขั้นเปลี่ยนมือ ไม่รู้เอาหุ้นจากไหนมาขาย
14 กรกฎาคม 2567
อีกมุมหนึ่งเรื่อง ”ทอล์กออฟเดอะทาวน์“ แวดวงตลาดหุ้น ไม่พูดถึง บริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (YGG) คงถูกมองว่าเอาท์ Mr.Data สัปดาห์นี้ ไม่อยากแตะเรื่องของหุ้นที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ใช้บัญชีมาร์จิ้นมากเท่าไหร่
เพราะยิ่งแตะมากยิ่งเป็นการซ้ำเติมตลาด ซ้ำเติมราคาหุ้น ที่ถูกเผยแพร่ออกมาทั้งในที่ไม่เปิดเผย และเปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ มีหุ้นตัวไหนบ้าง จนกลายเป็นว่า เป็นส่วนหนึ่งในการ ”ชี้เป้า“ ให้นักลงทุนตื่นตระหนก หรือ Panic เป็นเหยื่อ “เดอะแก๊งขาช็อต” ที่ใช้เป็นส่วนหนึ่งของ Money Game ขย่มหุ้น
ไม่มีใครแปลกใจเชียวหรือ หุ้นหลายตัวที่ตกเป็นเหยื่อ “ทุบโหด” หลายฟลอร์ ที่มาพร้อมกับวอลุ่มมหาศาล จาก Robot Trade และจำนวนหุ้นที่เทรดมากกว่าจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ถือด้วยซ้ำ แรงขายที่เกิดขึ้นสร้างความ Panic นักลงทุนรายย่อย จนหุ้นร่วงหลายฟลอร์ติดต่อกัน
นอกจากนี้ ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า มีการทำ Short Sell และทำ naked Short Sell ผ่านกระดาน NVDR ซึ่งเป็นการอำพรางธุรกรรมหรือไม่
เกมที่ “เดอะแก๊งขาช็อต” ใช้เท่าที่จับสัญญาณได้ในห้วงเวลา 1 ปี ที่ผ่านมาได้ผล และทำให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ หลายบริษัทฯ ปิดฉากความเป็นเจ้าของหลายบริษัท
เริ่มตั้งแต่สแกนหุ้นตัวไหนที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ใช้บัญชีมาร์จิ้น วงเงินเท่าไหร่ ใช้โบรกฯไหน ที่ราคาเท่าไหร่ ที่สำคัญต้องเป็นหุ้นที่อยู่ในกระแส จะได้สามารถทำกำไรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ
จากนั้นก็หาจังหวะในการปล่อยข่าวลือผ่านโซเชียล โจมตีด้านลบ กดดันราคาหุ้นผันผวน ใช้เป็นจังหวะ “ทุบโหด” ลองย้อนไปดูหุ้นในแต่ละตัวที่ถูกทุบโหดในรอบ 1 ปี น่าจะเห็น “ล่องรอย” ความผิดแผกของมูลค่าการซื้อขาย และจำนวนหุ้นที่ถูกทุบ กดดันราคาดิ่งหนัก
สิ่งที่ตามมาคือ ผู้ถือหุ้นใหญ่หรือเจ้ามือที่นำหุ้นไปค้ำมาร์จิ้น ถูกเรียกให้เติมเงิน หากไม่สามารถเติมเงินได้ทัน ในที่สุดก็ถูก Force Sell คนที่เดือดร้อนคงหนีไม่พ้นนักลงทุนรายย่อย
ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหุ้น YGG จากราคาหุ้นย้อนหลัง 1 เดือน ยืนอยู่แถว 7 บาท/หุ้น ลงทดสอบจุดต่ำสุดที่ 1.21 บาท/หุ้น
จากผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งที่เคยถือหุ้นในสัดส่วน 41.14% เหลือถือแค่ 4.28% หลังถูก Force Sell ผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 3 ครั้ง จำนวนรวม 221,879,026 หุ้น
ผู้ถือหุ้นใหญ่กำลังตกเป็นจำเลยสังคม พร้อมกับถูกตั้งคำถามเหตุใดจึงนำหุ้นไปค้ำบัญชีมาร์จิ้นในสัดส่วนที่สูง คงยากที่จะคาดเดา ถึงเหตุและผลของการใช้บัญชีมาร์จิ้นของผู้ถือหุ้นแต่ละบริษัท
แต่มุมหนึ่งที่อยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบคือ มูลค่าการซื้อขาย และจำนวนหุ้น YGG ที่เทรดในวันที่ 4 ก.ค.67 เอาหุ้นมาจากไหนมาขายจำนวน 1,344.39 ล้านหุ้น ทั้งที่มีหุ้นที่จดทะเบียนเพียง 601.99 ล้านบาท
คงไม่ยากในการตรวจสอบวอลุ่มมาจากโบรกฯไหน ส่วนจะเข้าไปตรวจสอบลงลึกถึงบัญชีที่ใช้เทรด เป็นหน้าที่ของกระบวนการตรวจสอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ต้องหาตัว “ไอ้โม่ง”
หวังว่า YGG คงเป็นเหยื่อ Money Game รายสุดท้าย ที่ “เดอะแก๊งขาช็อต” เข้ามาหาประโยชน์จากลิสต์รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ใช้บัญชีมาร์จิ้น สร้างราคาผิดปกติ ทำให้นักลงทุน Panic จนลืมปัจจัยพื้นฐาน
เพราะยิ่งแตะมากยิ่งเป็นการซ้ำเติมตลาด ซ้ำเติมราคาหุ้น ที่ถูกเผยแพร่ออกมาทั้งในที่ไม่เปิดเผย และเปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ มีหุ้นตัวไหนบ้าง จนกลายเป็นว่า เป็นส่วนหนึ่งในการ ”ชี้เป้า“ ให้นักลงทุนตื่นตระหนก หรือ Panic เป็นเหยื่อ “เดอะแก๊งขาช็อต” ที่ใช้เป็นส่วนหนึ่งของ Money Game ขย่มหุ้น
ไม่มีใครแปลกใจเชียวหรือ หุ้นหลายตัวที่ตกเป็นเหยื่อ “ทุบโหด” หลายฟลอร์ ที่มาพร้อมกับวอลุ่มมหาศาล จาก Robot Trade และจำนวนหุ้นที่เทรดมากกว่าจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ถือด้วยซ้ำ แรงขายที่เกิดขึ้นสร้างความ Panic นักลงทุนรายย่อย จนหุ้นร่วงหลายฟลอร์ติดต่อกัน
นอกจากนี้ ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า มีการทำ Short Sell และทำ naked Short Sell ผ่านกระดาน NVDR ซึ่งเป็นการอำพรางธุรกรรมหรือไม่
เกมที่ “เดอะแก๊งขาช็อต” ใช้เท่าที่จับสัญญาณได้ในห้วงเวลา 1 ปี ที่ผ่านมาได้ผล และทำให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ หลายบริษัทฯ ปิดฉากความเป็นเจ้าของหลายบริษัท
เริ่มตั้งแต่สแกนหุ้นตัวไหนที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ใช้บัญชีมาร์จิ้น วงเงินเท่าไหร่ ใช้โบรกฯไหน ที่ราคาเท่าไหร่ ที่สำคัญต้องเป็นหุ้นที่อยู่ในกระแส จะได้สามารถทำกำไรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ
จากนั้นก็หาจังหวะในการปล่อยข่าวลือผ่านโซเชียล โจมตีด้านลบ กดดันราคาหุ้นผันผวน ใช้เป็นจังหวะ “ทุบโหด” ลองย้อนไปดูหุ้นในแต่ละตัวที่ถูกทุบโหดในรอบ 1 ปี น่าจะเห็น “ล่องรอย” ความผิดแผกของมูลค่าการซื้อขาย และจำนวนหุ้นที่ถูกทุบ กดดันราคาดิ่งหนัก
สิ่งที่ตามมาคือ ผู้ถือหุ้นใหญ่หรือเจ้ามือที่นำหุ้นไปค้ำมาร์จิ้น ถูกเรียกให้เติมเงิน หากไม่สามารถเติมเงินได้ทัน ในที่สุดก็ถูก Force Sell คนที่เดือดร้อนคงหนีไม่พ้นนักลงทุนรายย่อย
ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหุ้น YGG จากราคาหุ้นย้อนหลัง 1 เดือน ยืนอยู่แถว 7 บาท/หุ้น ลงทดสอบจุดต่ำสุดที่ 1.21 บาท/หุ้น
จากผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งที่เคยถือหุ้นในสัดส่วน 41.14% เหลือถือแค่ 4.28% หลังถูก Force Sell ผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 3 ครั้ง จำนวนรวม 221,879,026 หุ้น
ผู้ถือหุ้นใหญ่กำลังตกเป็นจำเลยสังคม พร้อมกับถูกตั้งคำถามเหตุใดจึงนำหุ้นไปค้ำบัญชีมาร์จิ้นในสัดส่วนที่สูง คงยากที่จะคาดเดา ถึงเหตุและผลของการใช้บัญชีมาร์จิ้นของผู้ถือหุ้นแต่ละบริษัท
แต่มุมหนึ่งที่อยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบคือ มูลค่าการซื้อขาย และจำนวนหุ้น YGG ที่เทรดในวันที่ 4 ก.ค.67 เอาหุ้นมาจากไหนมาขายจำนวน 1,344.39 ล้านหุ้น ทั้งที่มีหุ้นที่จดทะเบียนเพียง 601.99 ล้านบาท
คงไม่ยากในการตรวจสอบวอลุ่มมาจากโบรกฯไหน ส่วนจะเข้าไปตรวจสอบลงลึกถึงบัญชีที่ใช้เทรด เป็นหน้าที่ของกระบวนการตรวจสอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ต้องหาตัว “ไอ้โม่ง”
หวังว่า YGG คงเป็นเหยื่อ Money Game รายสุดท้าย ที่ “เดอะแก๊งขาช็อต” เข้ามาหาประโยชน์จากลิสต์รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ใช้บัญชีมาร์จิ้น สร้างราคาผิดปกติ ทำให้นักลงทุน Panic จนลืมปัจจัยพื้นฐาน