จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : ALPHAX ปรับกลยุทธ์ลุยโรงไฟฟ้าเต็มสูบ บุกพลังงานสะอาดในสปป.ลาว
15 กรกฎาคม 2567
บมจ.อัลฟ่า ดิวิชั่นส์ (ALPHAX) เดินหน้าบุกตลาดพลังงานสะอาด ขายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เตรียมเงินลุยโรงไฟฟ้าในสปป.ลาว สร้างรายได้ที่มั่นคงและแน่นอนให้ผู้ถือหุ้น หลังการระบาดของโควิด 19 ทำให้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของประเทศต่างๆทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งรวมทั้งอัตราดอกเบี้ยของไทยด้วย อัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น นอกจากจะส่งผลดีต่อผุ้ที่มีเงินฝากกับสถาบันการเงินแล้ว แต่กับลูกค้ากลุ่มที่มีบัญชีเงินกู้ดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มทำให้ต้นทุนทางการเงินหรือภาระดอกเบี้ยต้องจ่ายเพิ่มขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงยาวนาน กระทบกับกำลังซื้อของประชาชน โดยเฉพาะกำลังซื้อในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันส่วนใหญ่หันมาทำที่อยู่อาศัยระดับบนมากขึ้น เพื่อเจาะกลุ่มกำลังซื้อสูงที่ยังมีความสามารถในการซื้อ และมีความเสี่ยงต่อการปฏิเสธสินเชื่อน้อย ประกอบกับการทำที่อยู่อาศัยในระดับราคาล้านต้นๆ เริ่มทำแล้วไม่คุ้มทุน และมีความเสี่ยงของการปฏิเสธสินเชื่อที่สูง
ทั้งนี้สิ่งที่ผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กังวลเมื่อทำพัฒนาโครงการที่อยู่ออาศัยออกมาขายแล้วนั้น คือ การที่ผู้ซื้อกู้ไม่ผ่าน แล้วคนที่พัฒนาจะต้องรับมาผิดชอบ ดังนั้นหากมีหน่วยงานภาครัฐ อย่างเช่น การเคหะแห่งชาติจะเข้ามาดูแลนำที่อยู่อาศัย มาช่วยในการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยได้มีโอกาสในการเข้าถึงการมีที่อยู่อาศัยดีๆจะถือเป็นเรื่องที่ดี
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่หมดเสน่ห์ในการเข้าไปธุรกิจ สอดคล้องกับการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจของ บมจ.อัลฟ่า ดิวิชั่นส์ (ALPHAX) ซึ่งล่าสุดได้ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ โดย “ธีร ชุติวราภรณ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ALPHAX เปิดเผยว่า ที่การประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 5/2567 เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 67 มีมติอนุมัติให้บริษัท จำหน่ายหุ้นสามัญและสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินกู้ยืมพร้อมดอกเบี้ยค้างจ่ายตามงบการเงินรวมของ บริษัท วี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (VPROP) ให้กับบุคคลที่ไม่เกี่ยวโยงกัน และลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น และ/หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อจำหน่ายหุ้นสามัญ VPROP จำนวน 244,926,500 หุ้น คิดเป็น 99.97% ของทุนชำระแล้วของ VPROP
และสิทธิเรียกร้องในฐานะเจ้าหนี้ในหนี้เงินกู้ยืมพร้อมดอกเบี้ยค้างจ่ายตามงบการเงินรวมของ VPROP และบริษัทย่อย ที่มีอยู่ต่อบริษัท ณ วันที่ 31 มี.ค. 67 จำนวนทั้งสิ้น 478,799,502 บาทให้กับนายชาตรี เดชะวลีกุล ซึ่งไม่ใช่บุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท ในราคา 778,799,502 บาท โดยภายหลังการจำหน่ายไป ซึ่งเงินลงทุนในบริษัทย่อย บริษัทไม่มีหุ้นคงเหลือที่ถือใน VPROP และ VPROP สิ้นสภาพการเป็นบริษัทย่อยของบริษัท
นอกจากนี้ยังมีมติเพิ่มทุนในบริษัทอัลฟ่า พาวเวอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท โดยซื้อหุ้นเพิ่มทุน 15.50 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท ซึ่งแหล่งเงินทุนที่ใช้มาจากการจำหน่ายธุรกิจอสังหาฯ เพื่อรองรับการขยายการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้า พลังงานทดแทน
ทั้งนี้โครงสร้างการประกอบธุรกิจของบริษัทและบริษัทย่อย ภายหลังการจำหน่ายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แล้ว ประกอบด้วย ธุรกิจจำหน่ายน้ำมันปาล์ม ธุรกิจไบโอเทค (สารสกัด CBD) ธุรกิจให้บริการเช่าซื้อ ธุรกิจให้บริการสินเชื่อ และธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ โดยธุรกิจจำหน่ายน้ำมันปาล์ม เป็นการประกอบธุรกิจโดยบริษัท ซึ่งได้หยุดดำเนินธุรกิจมาเป็นระยะเวลาพอสมควรแล้ว สาเหตุจากความผันผวนด้านราคา อย่างไรก็ตามปัจจุบันฝ่ายบริหารอยู่ระหว่างการมองหาธุรกิจที่เหมาะสมที่จะช่วยเสริมรายได้ และผลประกอบการให้กลุ่มบริษัท
"การจำหน่ายหุ้นดังกล่าวเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ในการปรับโครงสร้างธุรกิจ ทำให้เห็นภาพชัดเจนในการเข้ารุกธุรกิจพลังงานของ ALPHAX โดยเตรียมนำเงินที่ได้ไปใช้ในการลงทุนธุรกิจพลังงาน ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงในอนาคต ส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯ อีกทั้งเป็นยังเป็นธุรกิจที่มีรายได้ที่มั่นคงและแน่นอน (Recurring Income) และมั่นใจว่าการดำเนินการครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯในระยะยาว" นายธีร กล่าว
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/67 บริษัทฯได้เข้าลงทุน "เขื่อนไฟฟ้าน้ำฮุง1" ในสปป.ลาว อายุสัมปทาน 30 ปี ซึ่งจะทำให้มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านดอลลาร์ ตลอดอายุสัญญา หรือคิดเป็นรายได้ประมาณ 3 ล้านดอลลาร์/ปี ซึ่งจากการลงทุนดังกล่าวทำให้คาดว่าในไตรมาส 1/2567 ผลงานจะสามารถแตะระดับ All Time High
นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันส่วนใหญ่หันมาทำที่อยู่อาศัยระดับบนมากขึ้น เพื่อเจาะกลุ่มกำลังซื้อสูงที่ยังมีความสามารถในการซื้อ และมีความเสี่ยงต่อการปฏิเสธสินเชื่อน้อย ประกอบกับการทำที่อยู่อาศัยในระดับราคาล้านต้นๆ เริ่มทำแล้วไม่คุ้มทุน และมีความเสี่ยงของการปฏิเสธสินเชื่อที่สูง
ทั้งนี้สิ่งที่ผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กังวลเมื่อทำพัฒนาโครงการที่อยู่ออาศัยออกมาขายแล้วนั้น คือ การที่ผู้ซื้อกู้ไม่ผ่าน แล้วคนที่พัฒนาจะต้องรับมาผิดชอบ ดังนั้นหากมีหน่วยงานภาครัฐ อย่างเช่น การเคหะแห่งชาติจะเข้ามาดูแลนำที่อยู่อาศัย มาช่วยในการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยได้มีโอกาสในการเข้าถึงการมีที่อยู่อาศัยดีๆจะถือเป็นเรื่องที่ดี
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่หมดเสน่ห์ในการเข้าไปธุรกิจ สอดคล้องกับการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจของ บมจ.อัลฟ่า ดิวิชั่นส์ (ALPHAX) ซึ่งล่าสุดได้ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ โดย “ธีร ชุติวราภรณ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ALPHAX เปิดเผยว่า ที่การประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 5/2567 เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 67 มีมติอนุมัติให้บริษัท จำหน่ายหุ้นสามัญและสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินกู้ยืมพร้อมดอกเบี้ยค้างจ่ายตามงบการเงินรวมของ บริษัท วี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (VPROP) ให้กับบุคคลที่ไม่เกี่ยวโยงกัน และลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น และ/หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อจำหน่ายหุ้นสามัญ VPROP จำนวน 244,926,500 หุ้น คิดเป็น 99.97% ของทุนชำระแล้วของ VPROP
และสิทธิเรียกร้องในฐานะเจ้าหนี้ในหนี้เงินกู้ยืมพร้อมดอกเบี้ยค้างจ่ายตามงบการเงินรวมของ VPROP และบริษัทย่อย ที่มีอยู่ต่อบริษัท ณ วันที่ 31 มี.ค. 67 จำนวนทั้งสิ้น 478,799,502 บาทให้กับนายชาตรี เดชะวลีกุล ซึ่งไม่ใช่บุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท ในราคา 778,799,502 บาท โดยภายหลังการจำหน่ายไป ซึ่งเงินลงทุนในบริษัทย่อย บริษัทไม่มีหุ้นคงเหลือที่ถือใน VPROP และ VPROP สิ้นสภาพการเป็นบริษัทย่อยของบริษัท
นอกจากนี้ยังมีมติเพิ่มทุนในบริษัทอัลฟ่า พาวเวอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท โดยซื้อหุ้นเพิ่มทุน 15.50 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท ซึ่งแหล่งเงินทุนที่ใช้มาจากการจำหน่ายธุรกิจอสังหาฯ เพื่อรองรับการขยายการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้า พลังงานทดแทน
ทั้งนี้โครงสร้างการประกอบธุรกิจของบริษัทและบริษัทย่อย ภายหลังการจำหน่ายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แล้ว ประกอบด้วย ธุรกิจจำหน่ายน้ำมันปาล์ม ธุรกิจไบโอเทค (สารสกัด CBD) ธุรกิจให้บริการเช่าซื้อ ธุรกิจให้บริการสินเชื่อ และธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ โดยธุรกิจจำหน่ายน้ำมันปาล์ม เป็นการประกอบธุรกิจโดยบริษัท ซึ่งได้หยุดดำเนินธุรกิจมาเป็นระยะเวลาพอสมควรแล้ว สาเหตุจากความผันผวนด้านราคา อย่างไรก็ตามปัจจุบันฝ่ายบริหารอยู่ระหว่างการมองหาธุรกิจที่เหมาะสมที่จะช่วยเสริมรายได้ และผลประกอบการให้กลุ่มบริษัท
"การจำหน่ายหุ้นดังกล่าวเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ในการปรับโครงสร้างธุรกิจ ทำให้เห็นภาพชัดเจนในการเข้ารุกธุรกิจพลังงานของ ALPHAX โดยเตรียมนำเงินที่ได้ไปใช้ในการลงทุนธุรกิจพลังงาน ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงในอนาคต ส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯ อีกทั้งเป็นยังเป็นธุรกิจที่มีรายได้ที่มั่นคงและแน่นอน (Recurring Income) และมั่นใจว่าการดำเนินการครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯในระยะยาว" นายธีร กล่าว
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/67 บริษัทฯได้เข้าลงทุน "เขื่อนไฟฟ้าน้ำฮุง1" ในสปป.ลาว อายุสัมปทาน 30 ปี ซึ่งจะทำให้มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านดอลลาร์ ตลอดอายุสัญญา หรือคิดเป็นรายได้ประมาณ 3 ล้านดอลลาร์/ปี ซึ่งจากการลงทุนดังกล่าวทำให้คาดว่าในไตรมาส 1/2567 ผลงานจะสามารถแตะระดับ All Time High