หากพูดถึงประเทศไทยสิ่งที่หลายคนนึกถึงมักจะอากาศที่ร้อนจัดในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นยอดขายของกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มได้เป็นอย่างดีในไตรมาส 2/67 ดังนั้น ก่อนที่จะถึงช่วงประกาศผลประกอบการดังกล่าว ทางเราจึงอยากจะพาผู้อ่านไปดูคาดการณ์กำไรของ 5 หุ้นเครื่องดื่มชั้นนำกันในครั้งนี้
โดยเริ่มกันที่ OSP นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินกำไรไตรมาส 2/67 จะอยู่ที่ 979 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน 78% ตามรายได้รวมเติบโตที่เพิ่มขึ้น, อัตรากำไรขั้นต้นที่ขยายตัวขึ้นและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ปรับตัวลดลง จึงคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 3,204 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 28 บาท
ถัดมาเป็น CBG นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดการณ์กำไรไตรมาส 2/67 ที่ 602 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน 25% จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและสัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายที่ลดลงเพราะได้เบียร์คาราบาวมาช่วยจ่ายค่าสปอนเซอร์ EFL
แต่อย่างไรก็ดี แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 74 บาท เนื่องจากราคาหุ้นสะท้อนแนวโน้มบวกจากส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกําลังในประเทศเพิ่มขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ธุรกิจเบียร์(ซึ่งอาจจะเป็น upside) ยังต้องใช้เวลากว่าที่จะเป็นที่นิยม เรามองว่าความเสี่ยงหลักอยู่ที่ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ
ต่อมา ICHI นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์กำไรไตรมาส 2/67 ที่ 418 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน 63% ทำระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 9 ปีได้ต่อ หนุนจากการเข้าสู่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ประกอบกับการรับรู้รายได้จาก“ตัน พาวเวอร์”และ“ชิว ชิว”เต็มไตรมาส และมีรายการพิเศษจากการขายเครื่องจักร 32 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 21.60 บาท
SAPPE นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดกำไรไตรมาส 2/67 ที่ 384 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน 16.7% ทำสถิตใหม่สูงสุดต่อเนื่อง จากการเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนของเอเชียหนุนดีมานด์สูงขึ้น รวมถึงฐานลูกค้า Mogu Mogu ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น และการรับรู้กำลังการผลิตใหม่เต็มไตรมาส ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 123 บาท
สุดท้าย COCOCO นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดกำไรไตรมาส 2/67 ที่ 210-230ล้านบาท ทำสถิตใหม่สูงสุด จากยอดขายน้ำมะพร้าวที่กลับมาโต รับรู้รายได้จากลูกค้าใหม่ในจีนและสหรัฐฯรวมถึงการอัตรากำไรขั้นต้นที่เติบโต จาก Product Mix ที่มีอัตรากำไรสูงเพิ่มขึ้นรวมถึงอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นตามยอดขาย ทั้งนี้ จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 15.30 บาท
โดยเริ่มกันที่ OSP นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินกำไรไตรมาส 2/67 จะอยู่ที่ 979 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน 78% ตามรายได้รวมเติบโตที่เพิ่มขึ้น, อัตรากำไรขั้นต้นที่ขยายตัวขึ้นและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ปรับตัวลดลง จึงคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 3,204 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 28 บาท
ถัดมาเป็น CBG นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดการณ์กำไรไตรมาส 2/67 ที่ 602 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน 25% จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและสัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายที่ลดลงเพราะได้เบียร์คาราบาวมาช่วยจ่ายค่าสปอนเซอร์ EFL
แต่อย่างไรก็ดี แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 74 บาท เนื่องจากราคาหุ้นสะท้อนแนวโน้มบวกจากส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกําลังในประเทศเพิ่มขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ธุรกิจเบียร์(ซึ่งอาจจะเป็น upside) ยังต้องใช้เวลากว่าที่จะเป็นที่นิยม เรามองว่าความเสี่ยงหลักอยู่ที่ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ
ต่อมา ICHI นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์กำไรไตรมาส 2/67 ที่ 418 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน 63% ทำระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 9 ปีได้ต่อ หนุนจากการเข้าสู่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ประกอบกับการรับรู้รายได้จาก“ตัน พาวเวอร์”และ“ชิว ชิว”เต็มไตรมาส และมีรายการพิเศษจากการขายเครื่องจักร 32 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 21.60 บาท
SAPPE นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดกำไรไตรมาส 2/67 ที่ 384 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน 16.7% ทำสถิตใหม่สูงสุดต่อเนื่อง จากการเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนของเอเชียหนุนดีมานด์สูงขึ้น รวมถึงฐานลูกค้า Mogu Mogu ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น และการรับรู้กำลังการผลิตใหม่เต็มไตรมาส ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 123 บาท
สุดท้าย COCOCO นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดกำไรไตรมาส 2/67 ที่ 210-230ล้านบาท ทำสถิตใหม่สูงสุด จากยอดขายน้ำมะพร้าวที่กลับมาโต รับรู้รายได้จากลูกค้าใหม่ในจีนและสหรัฐฯรวมถึงการอัตรากำไรขั้นต้นที่เติบโต จาก Product Mix ที่มีอัตรากำไรสูงเพิ่มขึ้นรวมถึงอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นตามยอดขาย ทั้งนี้ จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 15.30 บาท