Wealth Sharing

ครม. เคาะสายสีส้ม โบรกฯ ชี้เพิ่มอัพไซด์ให้ BEM แนะ “สะสม” หลังหุ้นยังไม่ตอบรับข่าว


17 กรกฎาคม 2567
ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วานนี้มีมติเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนและร่างสัญญาร่วมลงทุนที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยในวันที่ 18 ก.ค. 67 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะจัดพิธีลงนามในสัญญาร่วมกับ BEM ในฐานะผู้ชนะการประมูล

WS (เว็บ)_ครม. เคาะสายสีส้ม copy_0.jpg


พร้อมกับจะเร่งรัดเอกชนให้เร่งดำเนินการให้เร็วขึ้น โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ฝั่งตะวันออกช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ภายใน ม.ค. 2571 เร็วกว่าเดิมที่กำหนดไว้ ซึ่งจากประเด็นข้างต้นที่มีความชัดเจนมากขึ้น จะทำให้ BEM มีความน่าสนใจมากน้อยเพียงใดไปรับชมมุมมองจากนักวิเคราะห์กัน

โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ได้ประเมินโครงการ รฟฟ. สายสีส้มคิดเป็นมูลค่า 1.80 บาท/หุ้น อิงสมมติฐาน ดังนี้ 1.คาด รฟฟ. สายสีส้มตะวันออกเปิดปี 2571 มีจำนวนผู้ใช้เฉลี่ยที่1.5แสนเที่ยว/วัน และเพิ่มอีก 1.0 แสนเที่ยว/วัน หลังฝั่งตะวันตกเปิดในปี 2573 โดยคาดจำนวนผู้โดยสารจะเติบโตและอิ่มตัวอยู่ที่ราว 70% ของ รฟฟ. สายสีน้ำเงิน 2.คาดอัตราค่าโดยสารจะถูกกว่าสายสีน้ำเงินราว 20% และ 3. คาด BEM ใช้เงินลงทุนราว 3 หมื่นล้านบาท ผ่านการกู้ยืมเป็นหลักในช่วงเวลา 6 ปีเฉลี่ยราว 5 พันล้านบาทต่อปี

นอกจากนี้ กทพ.อยู่ระหว่างเจรจากับ BEM ในการปรับลดอัตราค่าผ่านทางทางด่วนขั้นที่ 1 และ 2 สายงามวงศ์วานพระราม 9 ให้ไม่เกิน 50 บาทตลอดสาย แต่จะขยายสัญญาสัมปทานออกไปอีก 22 ปี 5 เดือน (สิ้นสุดปี2601) และปรับส่วนแบ่งรายได้ระหว่าง กทพ. กับ BEM จากเดิม 60:40 เป็น 50:50 แลกกับการที่ BEM ต้องลงทุนก่อสร้างโครงการ คาดว่าภายในเดือน ส.ค. 2567 จะได้เสนอ ครม. และลงนามสัญญาหากได้รับการอนุมัติ 

ดังนั้น ประเมินการลงทุนโครงการทางด่วน Double Deck เป็นบวกต่อ Capacity ทางด่วนและส่วนแบ่งรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นคาดจะชดเชยกับค่าทางด่วนที่ลดลงได้ในระยะยาว อิงสมมติฐานข้อตกลงเบื้องต้นประเมินอัพไซด์ของโครงการที่ระดับ 2.00-2.50 บาท/หุ้น ที่ยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ

ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรไตรมาส 2/67 ที่ 988 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 17% และช่วงเดียวกัน 10% ทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ และประมาณการกำไรทั้งปีที่ 4.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.9% จากธุรกิจหลักที่เติบโต จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”อิงราคาเหมาะสมที่ 11.60 บาท/หุ้น 

อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นยังไม่ตอบรับข่าวดี แนะนำสะสมเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 2/67 ทำจุดสูงสุดใหม่ BEM ยังมีอัพไซด์ที่ยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการได้แก่ โครงการทางด่วน Double Deck ที่คาดเห็นความชัดเจนภายในไตรมาส 3/67และโครงการ รฟฟ. สายสีม่วงใต้คาดเห็นรายละเอียดเพิ่มเติมภายในช่วงสิ้นปีนี้
BEM