เผยโฉมข้อมูลลงทุนของ “กองทุนการออมแห่งชาติ” รับโครงการ หวยเกษียณ

ใกล้มีความชัดเจนเข้ามาเต็มทีสำหรับ โครงการสลากสะสมทรัพย์เพื่อเงินออมยามเกษียณ (หวยเกษียณ) ล่าสุดครม.มีมติเห็นชอบการส่งเสริมการออมทรัพย์ของกองทุนการออมแห่งชาติ เพื่อรองรับการเกษียณผ่านโครงการ หวยเกษียณ

โดย หวยเกษียณ ผู้ออมสามารถซื้อสลากขูดดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชัน กองทุนการออมแห่งชาติ กอช.ใบละ 50 บาท ซื้อได้ไม่เกิน 3,000 บาทต่อเดือน เงินที่ซื้อสลากทุกบาท จะถูกเก็บไว้ในบัญชีเงินออมของแต่ละบุคคล ผ่าน กอช. และจะสามารถถอนคืนได้ตอนอายุ 60 ปี เพื่อการออมทรัพย์รองรับการเกษียณ

แต่เคยสงสัยกันหรือไม่ว่า กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) มีการลงทุนอย่างไรบ้าง และในช่วงที่ผ่านมา ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนเท่าไหร่ วันนี้ Share2Trade หาคำตอบมาให้แล้ว

ข้อมูลกองทุน ของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ประเภทกองทุน กองทุนบำนาญ เพื่อส่งเสริมการออมของสมาชิกและเพื่อเป็นหลักประกันการจ่ายบำนาญและให้ประโยชน์ตอบแทนแก่สมาชิกเมื่อสิ้นสมาชิกภาพ

ส่วนนโยบายการจ่ายเงินชดเชย กรณีสมาชิกได้รับผลประโยชน์จากการลงทุนน้อยกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารตามที่กฎหมายกำหนดเมื่อสมาชิกอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ โดยสมาชิกจะได้รับการค้ำประกันผลตอบแทนตลอดช่วงอายุการเป็นสมาชิก

ข้อมูล มูลค่าหน่วยลงทุน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 มีจำนวน 11.492917 บาท/หน่วย ส่วนมูลค่าเงินลงทุนสุทธิ(เงินสะสมและเงินสมทบ) 11,860.03 ล้านบาท

สำหรับ สัดส่วนของประเภทหลักทรัพย์ที่ลงทุน ได้แก่ หลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง ประมาณ 89.57% และหลักทรัพย์อื่น ประมาณ  10.43% ประกอบด้วย 

1.เงินสด เงินฝากธนาคาร 20.46% 

2.พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย 40.36% 

3.ตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ย 1.72% 4.ตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีงบประมาณเป็นผู้ออก 2.38% 5. ตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตความน่าเชื่อถือ 24.65% 6.ตราสารทุน 8.62% และ7.หน่วยลงทุน 1.81%

อย่างไรก็ตามผลตอบแทนนับจากต้นปีถึงวันที่ 30 มิ.ย.67 พบว่า อัตราผลตอบแทน กอช. ลดลง 0.40% และหากย้อนหลังไปในช่วง 3 เดือน ติดลบ 0.92% ในขณะที่ปี 2564-2566 อัตราผลตอบแทนยังอยู่ในเกณฑ์บวก โดยปี 2566 อัตราผลตอบแทน กอช. เป็นบวกที่  0.58% ปี 2565 ที่ระดับ 0.14% และปี 2566 ที่ระดับ 0.82%

สำหรับการจัดสรรการลงทุนจำแนกโดยผู้ออกตราสารสูงสุด 5 อันดับแรก (เงินสะสมและเงินสมทบ) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 ประกอบด้วย 1. กระทรวงการคลัง 2. ธนาคารแห่งประเทศไทย 3. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 4. ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และ5. บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด