Talk of The Town
SCB ไตรมาส 2/67 กำไรทรุด 15% เหลือ 10,014 ลบ. เหตุมีค่าใช้จ่าย จากการยุติแอปฯ Robinhood กว่า 800 ลบ.
19 กรกฎาคม 2567
SCB เผยไตรมาส 2/67 กำไรสุทธิลดกว่า 15.6% เหลือ 10,014 ล้านบาท เหตุเจอค่าใช้จ่ายยุติการให้บริการแอปพลิเคชัน Robinhood ซ้ำรายได้จากการลงทุนและค่าธรรมเนียมหด พร้อมแจงกำไรครึ่งปีแรกดิ่ง 6.9% เหลือ 2.12 หมื่นลบ.
บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB รายงานผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/67 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 10,014 ล้านบาท ลดลง 15.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการลดลงของกำไรสุทธิส่วนใหญ่เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายครั้งเดียวจากการยุติการให้บริการแอปพลิเคชัน Robinhood
รวมไปถึงการตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ การลดลงของรายได้จากการลงทุนและการค้าในพอร์ตการลงทุน รวมทั้งความอ่อนแอของรายได้ค่าธรรมเนียม อย่างไรก็ดี กำไรสุทธิที่ไม่รวมค่าใช้จ่ายครั้งเดียวจากการยุติการให้บริการแอปพลิเคชัน Robinhood อยู่ที่ 10,812ล้านบาท ลดลง 8.9% จากช่วงเดียวกัน
สำหรับไตรมาส 2/67 บริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีอยู่ที่ 32,576 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการขยายตัวของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ ในขณะที่สินเชื่อโดยรวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในอัตรา 0.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเพิ่มความระมัดระวังในการให้สินเชื่อและมุ่งเน้นการเติบโตของสินเชื่อที่มีคุณภาพ ภายใต้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีความท้าทายรอบด้าน
ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและอื่นๆอยู่ที่ 10,328 ล้านบาท ลดลง 8.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายประกันภัย ค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมทางการเงิน และค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการให้สินเชื่อค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ 18,568 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (ก่อนรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) อยู่ที่ 41.2%
ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งเงินสำรองจำนวน 11,626 ล้านบาท ลดลง 3.9% จากปีก่อน โดยในไตรมาสนี้รวมการตั้งสำรองพิเศษเพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่รายหนึ่ง อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 161.7%
ส่วนคุณภาพของสินเชื่อโดยรวมอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ดี โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2567 อยู่ที่ 3.3% ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 3.2% ในปีก่อน เงินกองทุนตามกฎหมายของบริษัทอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 18.8%
สำหรับครึ่งปีแรกของปี 67 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 21,295 ล้านบาท ลดลง 6.9% จากช่วงเดียวกันที่ทำได้ 22,864 ล้านบาทโดยการลดลงมีสาเหตุหลักจากค่าใช้จ่ายครั้งเดียวจากการยุติการให้บริการแอปพลิเคชัน Robinhood, กำไรจากการลงทุนที่ลดลง และรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง ถึงแม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ในครึ่งปีแรกปี 67 กำไรสุทธิไม่รวมค่าใช้จ่ายครั้งเดียว จะอยู่ที่ 22,093 ล้านบาท ลดลง 3.4% จากช่วงเดียวกัน
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีแรกเติบโตต่ำกว่าคาดการณ์และยังไม่มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทจึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการ ดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง เน้นความมั่นคงทางการเงิน รักษาระดับเงินสำรองให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม มุ่งเน้นการเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม โดยเฉพาะค่าธรรมเนียมจากธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง และการบริหารต้นทุนการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ
แม้จะมีความท้าทาย บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างรากฐานอันแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเปิดให้นักลงทุนรวมถึงประชาชนทั่วไปเข้าถึง โอกาสการลงทุนที่มีผลตอบแทนมั่นคงอย่างทั่วถึง โดยในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากนักลงทุน สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ จำนวน 7 ชุด มูลค่ารวม 42,000 ล้านบาท
บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB รายงานผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/67 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 10,014 ล้านบาท ลดลง 15.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการลดลงของกำไรสุทธิส่วนใหญ่เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายครั้งเดียวจากการยุติการให้บริการแอปพลิเคชัน Robinhood
รวมไปถึงการตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ การลดลงของรายได้จากการลงทุนและการค้าในพอร์ตการลงทุน รวมทั้งความอ่อนแอของรายได้ค่าธรรมเนียม อย่างไรก็ดี กำไรสุทธิที่ไม่รวมค่าใช้จ่ายครั้งเดียวจากการยุติการให้บริการแอปพลิเคชัน Robinhood อยู่ที่ 10,812ล้านบาท ลดลง 8.9% จากช่วงเดียวกัน
สำหรับไตรมาส 2/67 บริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีอยู่ที่ 32,576 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการขยายตัวของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ ในขณะที่สินเชื่อโดยรวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในอัตรา 0.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเพิ่มความระมัดระวังในการให้สินเชื่อและมุ่งเน้นการเติบโตของสินเชื่อที่มีคุณภาพ ภายใต้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีความท้าทายรอบด้าน
ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและอื่นๆอยู่ที่ 10,328 ล้านบาท ลดลง 8.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายประกันภัย ค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมทางการเงิน และค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการให้สินเชื่อค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ 18,568 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (ก่อนรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) อยู่ที่ 41.2%
ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งเงินสำรองจำนวน 11,626 ล้านบาท ลดลง 3.9% จากปีก่อน โดยในไตรมาสนี้รวมการตั้งสำรองพิเศษเพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่รายหนึ่ง อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 161.7%
ส่วนคุณภาพของสินเชื่อโดยรวมอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ดี โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2567 อยู่ที่ 3.3% ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 3.2% ในปีก่อน เงินกองทุนตามกฎหมายของบริษัทอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 18.8%
สำหรับครึ่งปีแรกของปี 67 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 21,295 ล้านบาท ลดลง 6.9% จากช่วงเดียวกันที่ทำได้ 22,864 ล้านบาทโดยการลดลงมีสาเหตุหลักจากค่าใช้จ่ายครั้งเดียวจากการยุติการให้บริการแอปพลิเคชัน Robinhood, กำไรจากการลงทุนที่ลดลง และรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง ถึงแม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ในครึ่งปีแรกปี 67 กำไรสุทธิไม่รวมค่าใช้จ่ายครั้งเดียว จะอยู่ที่ 22,093 ล้านบาท ลดลง 3.4% จากช่วงเดียวกัน
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีแรกเติบโตต่ำกว่าคาดการณ์และยังไม่มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทจึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการ ดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง เน้นความมั่นคงทางการเงิน รักษาระดับเงินสำรองให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม มุ่งเน้นการเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม โดยเฉพาะค่าธรรมเนียมจากธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง และการบริหารต้นทุนการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ
แม้จะมีความท้าทาย บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างรากฐานอันแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเปิดให้นักลงทุนรวมถึงประชาชนทั่วไปเข้าถึง โอกาสการลงทุนที่มีผลตอบแทนมั่นคงอย่างทั่วถึง โดยในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากนักลงทุน สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ จำนวน 7 ชุด มูลค่ารวม 42,000 ล้านบาท