Wealth Sharing

ส่องเทรนด์ไตรมาส 2/67 3 หุ้นกลุ่มธุรกิจการแพทย์


23 กรกฎาคม 2567
ในปัจจุบันการบริษัทจดทะเบียนที่ก้าวเข้าสู่ตลาดทุนไทยได้มีธุรกิจหลากหลายรูปแบบเข้ามาระดมทุนอย่างต่อเนื่อง โดยหนึ่งธุรกิจที่มีความสนใจก็คือเกี่ยวกับการแพทย์และสุขภาพ ด้วยสังคมไทยในปัจจุบันที่กำลังเข้าสังคมผู้สูงวัยขึ้นเรื่อยจากจำนวนการเกิดของประชากรที่น้อยลง จึงทำให้ผู้คนหันมาเห็นสำคัญมากขึ้น

WS (เว็บ) ส่องเทรนด์ไตรมาส 2 67_0.jpg

ดังนั้น ในวันนี้ทางเราจึงได้ทำการสำรวจและรวบรวม 3 บริษัทกลุ่มธุรกิจการแพทย์ที่น่าสนใจ ประกอบไปด้วย บริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BKGI ,บริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SAFE และ บริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GFC ถึงแนวโน้มการเติบภายใต้มุมมองจากนักวิเคราะห์มานำเสนอ

โดยเริ่มกันที่ BKGI นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า ผลการดำเนินงานในระยะสั้นหรือไตรมาส 2/67 และ 3/67 จากโอกาสขายเครื่องตรวจและน้ำยาตรวจให้กับลูกค้าใหม่อีก2-3 ราย หนุนให้รายได้มีการเติบโต จึงประมาณการกำไรสุทธิปี 67 ที่ 51 ล้านบาท โต 59% ตามอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นและค่าใช้จ่าย SG&A ต่อรายได้ลดลง

ดังนั้น คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 2.50 บาท จากความน่าสนใจที่บริษัทมีข้อได้เปรียบด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย ,ศักยภาพของห้องปฏิบัติการรองรับการเติบโตระยะยาว, การให้บริการตรวจคัดกรองพันธุกรรมครอบคลุมทุกช่วงอายุ ทำให้ฐานลูกค้าเติบโต, การแพทย์จีโนมิกส์อยู่ในช่วงเติบโตขาขึ้น และฐานะการเงินมั่นคง 

ถัดมา SAFE นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ได้คาดการณ์กำไรไตรมาส 2/67 ที่ 48 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกัน 8% จากนโยบายประกันภัยใหม่ของจีนที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการทำ IVF แค่ในประเทศส่งผลกระทบต่อกลุ่มลูกค้าชาวจีน

พร้อมกันนี้ ได้ปรับลดประมาณการกำไรปี 2567 เหลือ 234 ล้านบาท แต่ยังเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 16% เพื่อสะท้อนปัจจัยกดดันข้างต้น ดังนั้น แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 19.50 บาท เนื่องจากบริษัทได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเสริมความงามผ่านความร่วมมือใหม่, แผนขยายการให้บริการที่จะเป็นผลบวกต่อทั้งรายได้และกำไร

สุดท้าย GFC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ได้คาดการณ์กำไรไตรมาส 2/67 ที่ 18 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน 18% ตามรายได้ให้บริการที่เติบโตและค่าใช้จ่ายการเงินลดลงจากคืนหนี้สถาบันการเงินทั้งหมด แต่อย่างไรก็ดี ได้ปรับประมาณการกำไรปี 2567 จะอยู่ที่ 95 ล้านบาท แต่ยังโต 23% จากการเลื่อนเปิดสาขาพระราม 9

ทั้งนี้ ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 11.50 บาท เนื่องจากราคาหุ้นที่ซื้อขายปัจจุบันได้ตอบรับแนวโน้มผลประกบอการไตรมาส 2/67 ที่ไม่เด่นและการเลื่อนเปิดสาขาใหม่ไปแล้ว ซึ่งมองว่าการเปิดสาขาพระราม 9 เป็นโอกาสขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งกลุ่มชาวไทยและต่างชาติได้ในอนาคต


ส่องเทรนด์ไตรมาส 2 67 3 หุ้นกลุ่มธุรกิจการแพท.jpg