Talk of The Town

เปิด 5 บจ. พร้อมใจลดทุน ตัดหุ้นโครงการรับซื้อคืน พบ SUSCO แชมป์ราคาหุ้นขยับ หลังปิดโครงการ


23 กรกฎาคม 2567
จากข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยได้ประกาศปิดโครงการซื้อหุ้นคืน ซึ่งภายหลังปิดโครงการดังกล่าวก็จะต้องดำเนินการกับหุ้นที่ซื้อคืนกลับมา โดยพบว่า มี 5 บริษัท ที่ได้เลือกการตัดหุ้นที่ซื้อคืนในโครงการและได้ดำเนินการลดทุน ประกอบด้วย

เปิด 5 บจ. พร้อมใจลดทุน copy_0.jpg

บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) SABUY จำนวนรายการลดทุน 95,000,000 หุ้น ,บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) TU   จำนวน 200,000,000 หุ้น บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) MAJOR จำนวน 65,530,400 หุ้น , บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) SUSCO จำนวน 50,000,000 หุ้น และบริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) AQUA  จำนวน 200,000,000 หุ้น

ทั้งนี้จากการสำรวจการเคลื่อนไหวราคาหุ้นเฉลี่ยในโครงการรับซื้อคืนเทียบกับราคาหุ้นในปัจจุบัน ดังนั้น หุ้น SABUY มีราคาเฉลี่ยรับซื้อคืนอยู่ที่ 5.10  บาท ราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 0.62 บาท หุ้น TU มีราคาเฉลี่ยรับซื้อคืนอยู่ที่ 14.90 บาท  ราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 15.10 บาท หุ้น MAJOR มีราคาเฉลี่ยรับซื้อคืนอยู่ที่ 15.15 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 12.20 บาท หุ้น SUSCOมีราคาเฉลี่ยรับซื้อคืนอยู่ที่ 2.76 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 3.56 บาท หุ้น AQUA มีราคาเฉลี่ยรับซื้อคืนอยู่ที่1.70 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 0.35 บาท 

อนึ่ง บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) SABUY ระบุว่า คณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติการจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนสำหรับโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน รวมทั้งสิ้นจำนวน 95,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 5.38 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด  โดยกำหนดระยะเวลาจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน ตั้งแต่วันที่ 5 - 11 กรกฎาคม 2567 นั้น

บริษัทฯ ขอแจ้งว่า เมื่อครบกำหนดระยะเวลาจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนข้างต้น บริษัทไม่สามารถจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนจำนวน 95,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 5.38 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดได้ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการว่าด้วยการซื้อหุ้นคืน การจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน และการตัดหุ้นที่ซื้อคืนของบริษัท พ.ศ. 2544 บริษัทจึงต้องดำเนินการลดทุนที่ชำระแล้วโดยวิธีตัดหุ้นจดทะเบียนที่ซื้อคืนและยังมิได้จำหน่าย จำนวน 95,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท

ขณะเดียวกัน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU  ได้มีมติอนุมัติการจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนสำหรับโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน ซึ่งบริษัทได้ทำขึ้นในปี 2566 โดยมีจำนวนหุ้นซื้อคืนทั้งสิ้น 200,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 4.19 ของทุนจดทะเบียน ณ วันอนุมัติโครงการ โดยกำหนดระยะเวลาจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน ตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม 2567ถึงวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 นั้น

ส่วนบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR รายงานว่า ตามที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2567 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 ได้มีมติกําหนดระยะเวลาจําหน่ายหุ้นของบริษัทที่ซื้อคืนภายใต้ใครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน จํานวน 65,530,400 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 7.32 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2567 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2567 

ทั้งนี้ หากครบกําหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว ถ้าบริษัทไม่จําหน่ายหรือจําหน่ายหุ้นของบริษัทที่ซื้อคืนไม่หมด ให้บริษัทลดทุนที่ชําระแล้ว โดยวิธีตัดหุ้นจดทะเบียนที่ซื้อคืน และยังมิได้จําหน่าย และดําเนินการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนจดทะเบียน

บริษัทขอเรียนให้ท่านทราบว่า ณ วันที่ 30 เมษายน 2567 บริษัทไม่สามารถจําหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน จํานวน 65,530,400 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 7.32 ของทุนจดทะเบียนได้ ดังนั้น บริษัทจึงต้องดําเนินการลดทุนชําระแล้วโดยวิธีตัดหุ้นจดทะเบียนที่ซื้อคืนและยังมิได้จําหน่าย จํานวน 65,530,400 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท