Talk of The Town
IVL ตั้งด้อยค่าครั้งใหญ่ มูลค่าพุ่งกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท โบรกฯ สั่ง “ขาย” เป้าหมาย 19.5 บาท
24 กรกฎาคม 2567
จากกรณีบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL เปิดเผยส่วนหนึ่งของแผนการเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์ภายใต้ แผนงาน IVL 2.0 คือ การที่บริษัทได้ปิดโรงงานผลิต PET/PTA ใน ประเทศเนเธอร์แลนด์ และโรงงานผลิตเอทิลีนออกไซด์ (EO) และสารอนุพันธ์ในประเทศออสเตรเลีย อีกทั้ง การเพิ่มประสิทธิภาพของ โรงงานแห่งอื่นๆ
โดยบริษัทประเมินการด้อยค่าและตั้งสำรองค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 660-680 ล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาสที่ 2/2567 โดยค่าใช้จ่ายในส่วนที่เป็นเงินสดจะถูกจ่ายในครึ่งปีหลังของปี 2567 และคาดว่าจะได้รับการชดเชยจากการลดลงของเงินทุนหมุนเวียนมูลค่า 110-130 ล้านเหรียญสหรัฐ จากโรงงานที่ปิดไปแล้ว
ทั้งนี้ไม่นับรวมรายได้เป็นเงินสดประมาณ 100-125 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่คาดว่าจะได้รับจากการขายที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิซึ่งจะรับรู้รายได้ในภายหลัง การดำเนินการเหล่านี้เป็นสัดส่วนที่สำคัญของโครงการเพิ่มประสิทธิภาพ สินทรัพย์ของบริษัท และบริษัทคาดว่าจะไม่มีมีการด้อยค่าเพิ่มเติมอย่างมีนัยสำคัญอันเป็นผลจากการดำเนินงานตามแผนงานนี้
นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ประเด็น IVL รายงานบันทึกการด้อยค่าสินทรัพย์ (asset impairment) ในไตรมาส 2/67 ที่ 680 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากการปิดโรงงานผลิต PET ในเนเธอร์แลนด์ และโรงงานผลิต OE ในออสเตรเลีย ซึ่งเป็นไปตามแผนที่บริษัทตั้งไว้
โดย IVL คาดว่าจะเริ่มเห็นค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ลดลงตั้งแต่ไตรมาส 3/67 เป็นต้นไป ราว 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี อย่างไรก็ดี ยังคงคำแนะนำ “ขาย” IVL พื้นฐาน 23 บาท
ส่วนนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ขาย” ราคาเป้าหมาย 19.5 บาท โดยมอง Neutral ต่อการประกาศตั้งด้อยค่าฯก้อนใหญ่ครั้งเดียวในไตรมส 2/67 จากการ optimize asset ราว 660-680 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2.4-2.5 หมื่นล้านบาท เทียบกับที่ใส่ไว้ในประมาณการปี 1.7 หมื่นล้านบาท แม้สูงกว่าคาด แต่มองราคาหุ้นที่ปรับลดมาจากต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) ลดลงกว่า 34% น่าจะสะท้อนปัจจัยกดดันดังกล่าวแล้ว
สำหรับการตั้งค่าใช้จ่ายแบ่งเป็นด้อยค่าฯ 540-550 ล้านเหรียญสหรัฐ (non cash) และ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง (cash) 120-130 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยมองการเลือกตั้งด้อยค่าฯครั้งเดียวในไตรมาส 2/67 จะส่งให้เป็น bottom ปี, overhang จบเร็ว และกลับมามีกำไรในครึ่งหลังปี 67 (ช่วงต้นไตรมาส 3 ถึงปัจจุบัน (QTD) integrated PET spread +6% จากไตรมาสก่อน และสัปดาห์ล่าสุด เพิ่มขึ้น 8% จากสัปดาห์ก่อน ขึ้นมาที่ 162 เหรียญสหรัฐ/ตัน)
ทั้งนี้มองสามารถซื้อเก็งกำไรระยะสั้นได้หาก integrated PET ขึ้นมาเหนือ 170 เหรียญ/ตัน จาก supply ที่ตึงตัวมากขึ้นจากโรงงานจีนทยอย shutdown (ยังคงมุมมอง new supply ที่ตามออกมาในครึ่งหลังปี 67 ราว 3.5-4.0 mta จะทำให้การฟื้นตัวของ spread ไม่เร็ว)
โดยบริษัทประเมินการด้อยค่าและตั้งสำรองค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 660-680 ล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาสที่ 2/2567 โดยค่าใช้จ่ายในส่วนที่เป็นเงินสดจะถูกจ่ายในครึ่งปีหลังของปี 2567 และคาดว่าจะได้รับการชดเชยจากการลดลงของเงินทุนหมุนเวียนมูลค่า 110-130 ล้านเหรียญสหรัฐ จากโรงงานที่ปิดไปแล้ว
ทั้งนี้ไม่นับรวมรายได้เป็นเงินสดประมาณ 100-125 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่คาดว่าจะได้รับจากการขายที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิซึ่งจะรับรู้รายได้ในภายหลัง การดำเนินการเหล่านี้เป็นสัดส่วนที่สำคัญของโครงการเพิ่มประสิทธิภาพ สินทรัพย์ของบริษัท และบริษัทคาดว่าจะไม่มีมีการด้อยค่าเพิ่มเติมอย่างมีนัยสำคัญอันเป็นผลจากการดำเนินงานตามแผนงานนี้
นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ประเด็น IVL รายงานบันทึกการด้อยค่าสินทรัพย์ (asset impairment) ในไตรมาส 2/67 ที่ 680 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากการปิดโรงงานผลิต PET ในเนเธอร์แลนด์ และโรงงานผลิต OE ในออสเตรเลีย ซึ่งเป็นไปตามแผนที่บริษัทตั้งไว้
โดย IVL คาดว่าจะเริ่มเห็นค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ลดลงตั้งแต่ไตรมาส 3/67 เป็นต้นไป ราว 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี อย่างไรก็ดี ยังคงคำแนะนำ “ขาย” IVL พื้นฐาน 23 บาท
ส่วนนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ขาย” ราคาเป้าหมาย 19.5 บาท โดยมอง Neutral ต่อการประกาศตั้งด้อยค่าฯก้อนใหญ่ครั้งเดียวในไตรมส 2/67 จากการ optimize asset ราว 660-680 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2.4-2.5 หมื่นล้านบาท เทียบกับที่ใส่ไว้ในประมาณการปี 1.7 หมื่นล้านบาท แม้สูงกว่าคาด แต่มองราคาหุ้นที่ปรับลดมาจากต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) ลดลงกว่า 34% น่าจะสะท้อนปัจจัยกดดันดังกล่าวแล้ว
สำหรับการตั้งค่าใช้จ่ายแบ่งเป็นด้อยค่าฯ 540-550 ล้านเหรียญสหรัฐ (non cash) และ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง (cash) 120-130 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยมองการเลือกตั้งด้อยค่าฯครั้งเดียวในไตรมาส 2/67 จะส่งให้เป็น bottom ปี, overhang จบเร็ว และกลับมามีกำไรในครึ่งหลังปี 67 (ช่วงต้นไตรมาส 3 ถึงปัจจุบัน (QTD) integrated PET spread +6% จากไตรมาสก่อน และสัปดาห์ล่าสุด เพิ่มขึ้น 8% จากสัปดาห์ก่อน ขึ้นมาที่ 162 เหรียญสหรัฐ/ตัน)
ทั้งนี้มองสามารถซื้อเก็งกำไรระยะสั้นได้หาก integrated PET ขึ้นมาเหนือ 170 เหรียญ/ตัน จาก supply ที่ตึงตัวมากขึ้นจากโรงงานจีนทยอย shutdown (ยังคงมุมมอง new supply ที่ตามออกมาในครึ่งหลังปี 67 ราว 3.5-4.0 mta จะทำให้การฟื้นตัวของ spread ไม่เร็ว)