กลุ่มหุ้นธนาคารไทยได้ประกาศตัวเลขกำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 2/67 และครึ่งปีแรกปี 2567 ออกมาทั้งแล้ว ซึ่งอาจจะสร้างทั้งความพอใจและความไม่พอใจให้แก่นักลงทุน แต่อีกหนึ่งข่าวคราวที่นักลงทุนยังคงติดตามข่าวสารด้วยความคาดหวังอย่างการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลกลับยังคงไร้วี่แวว
ดังนั้น ในวันนี้ทางเราจึงได้ทำการรวบรวมและสำรวจข้อมูลจากมุมมองนักวิเคราะห์ถึงคาดการณ์ดังกล่าว มานำเสนอให้แก่ผู้อ่านและนักลงทุนสนใจมาให้ชมกันว่าจะมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียง รวมถึงตัวเลขของเงินปันผลแต่ละธนาคารมาให้ได้ชมกัน
โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า จากตัวเลขเงินกองทุน CET1 ของกลุ่มธนาคารที่อยู่ในระดับสูงหรือ 14-17% จึงคาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารยังมีความสามารถในการจ่ายปันผล และคาดธนาคารส่วนใหญ่จ่ายเงินปันผลครึ่งปีแรกปี 67
สำหรับกรอบระยะเวลาในการประกาศขึ้น XD จะเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2567 ไปจนถึงช่วงต้นเดือนกันยายน 2567และจะจ่ายปันผลได้ในช่วงปลายเดือนกันยายน 2567 อย่างไรก็ดีจะมีเพียง KTB เป็นธนาคารเดียวที่ไม่มีการเงินปันผลระหว่างกาล
ทั้งนี้ คำแนะนำหุ้นรายตัว BBL แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 135 บาท โดยมองว่า BBL มีความเสี่ยงเรื่องคุณภาพสินทรัพย์มากขึ้น อย่างไรก็ตามเป็นธนาคารที่มีความเพียงพอของสำรองมากสุดในกลุ่มธนาคารเห็นได้จาก Coverage Ratio คงระดับสูงที่ราว 280%
KBANK แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 155 บาท โดย KBANK มีพัฒนาการการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ของในทางบวก ดังนั้นคาดว่ามีโอกาสเห็นค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) กลับสู่ระดับปกติในปี 2568 และกำไรสุทธิ 2567-2568 คาดจะเติบโตเด่นเป็นอันดับสองของกลุ่ม
KTB แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 22 บาท ด้วยภาพรวมด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่ไม่มีประเด็นที่น่ากังวล, กำไรสุทธิ2567 - 2568 จะเติบโตเด่นที่สุด และได้ผลบวกจากงบประมาณภาครัฐคาดว่าจะมีการเบิกจ่ายในช่วงครึ่งปีหลังปี 67
SCB แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 100 บาท เนื่องจากผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังปี 67 ไปจนถึงครึ่งปีแรกปี 68 ยังคงอ่อนแอ แต่อย่างไรก็ตามยังมีจุดเด่นเรื่องปันผล โดยคาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลจะอยู่ที่ระดับ 9-10% ซึ่งสูงสุดในกลุ่มธนาคาร
TTB แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 2.30 บาท โดยมองว่ามีผลประโยชน์ทางภาษีที่เหลือ ดังนั้นกำไรสุทธิปี 2567 – 2568ที่คาดจะเติบโต 11% และ 4% และคาดอัตราผลตอบผลแทนเงินปันผลที่ 7-8% ต่อปี
KKP แนะนำ “ขาย” ราคาเป้าหมาย 38 บาท มองว่าตลาดเช่าซื้อมีปัญหาหนักซึ่งเป็นพอร์ตหลักของ KKP (45% ของสินเชื่อรวม) และคาดปัญหาตลาดเช่าซื้อกินระยะเวลานานโดยเฉพาะคุณภาพสินทรัพย์อ่อนแอทำให้กระทบต่อการเติบโตของสินเชื่อ
TISCO แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 97 บาท ซึ่งมองว่า TISCO มีจุดเด่นเรื่องการจ่ายปันผลโดยอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลคาดจะอยู่ที่ 7-8% ต่อปี
ดังนั้น ในวันนี้ทางเราจึงได้ทำการรวบรวมและสำรวจข้อมูลจากมุมมองนักวิเคราะห์ถึงคาดการณ์ดังกล่าว มานำเสนอให้แก่ผู้อ่านและนักลงทุนสนใจมาให้ชมกันว่าจะมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียง รวมถึงตัวเลขของเงินปันผลแต่ละธนาคารมาให้ได้ชมกัน
โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า จากตัวเลขเงินกองทุน CET1 ของกลุ่มธนาคารที่อยู่ในระดับสูงหรือ 14-17% จึงคาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารยังมีความสามารถในการจ่ายปันผล และคาดธนาคารส่วนใหญ่จ่ายเงินปันผลครึ่งปีแรกปี 67
สำหรับกรอบระยะเวลาในการประกาศขึ้น XD จะเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2567 ไปจนถึงช่วงต้นเดือนกันยายน 2567และจะจ่ายปันผลได้ในช่วงปลายเดือนกันยายน 2567 อย่างไรก็ดีจะมีเพียง KTB เป็นธนาคารเดียวที่ไม่มีการเงินปันผลระหว่างกาล
ทั้งนี้ คำแนะนำหุ้นรายตัว BBL แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 135 บาท โดยมองว่า BBL มีความเสี่ยงเรื่องคุณภาพสินทรัพย์มากขึ้น อย่างไรก็ตามเป็นธนาคารที่มีความเพียงพอของสำรองมากสุดในกลุ่มธนาคารเห็นได้จาก Coverage Ratio คงระดับสูงที่ราว 280%
KBANK แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 155 บาท โดย KBANK มีพัฒนาการการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ของในทางบวก ดังนั้นคาดว่ามีโอกาสเห็นค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) กลับสู่ระดับปกติในปี 2568 และกำไรสุทธิ 2567-2568 คาดจะเติบโตเด่นเป็นอันดับสองของกลุ่ม
KTB แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 22 บาท ด้วยภาพรวมด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่ไม่มีประเด็นที่น่ากังวล, กำไรสุทธิ2567 - 2568 จะเติบโตเด่นที่สุด และได้ผลบวกจากงบประมาณภาครัฐคาดว่าจะมีการเบิกจ่ายในช่วงครึ่งปีหลังปี 67
SCB แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 100 บาท เนื่องจากผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังปี 67 ไปจนถึงครึ่งปีแรกปี 68 ยังคงอ่อนแอ แต่อย่างไรก็ตามยังมีจุดเด่นเรื่องปันผล โดยคาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลจะอยู่ที่ระดับ 9-10% ซึ่งสูงสุดในกลุ่มธนาคาร
TTB แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 2.30 บาท โดยมองว่ามีผลประโยชน์ทางภาษีที่เหลือ ดังนั้นกำไรสุทธิปี 2567 – 2568ที่คาดจะเติบโต 11% และ 4% และคาดอัตราผลตอบผลแทนเงินปันผลที่ 7-8% ต่อปี
KKP แนะนำ “ขาย” ราคาเป้าหมาย 38 บาท มองว่าตลาดเช่าซื้อมีปัญหาหนักซึ่งเป็นพอร์ตหลักของ KKP (45% ของสินเชื่อรวม) และคาดปัญหาตลาดเช่าซื้อกินระยะเวลานานโดยเฉพาะคุณภาพสินทรัพย์อ่อนแอทำให้กระทบต่อการเติบโตของสินเชื่อ
TISCO แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 97 บาท ซึ่งมองว่า TISCO มีจุดเด่นเรื่องการจ่ายปันผลโดยอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลคาดจะอยู่ที่ 7-8% ต่อปี