หลังจากที่เงียบหายไปมาเป็นเวลาสักพักใหญ่กับการเข้าระดมทุนของบริษัทจดทะเบียนไทย แต่ในวันที่ 25 ก.ค. 67 ก็มีบริษัทน้องใหม่ป้ายแดงอย่าง บริษัท ฟู้ดโมเม้นท์ จำกัด(มหาชน) หรือ FM ที่เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก
ดังนั้น ในวันนี้ทางเราจึงได้ทำการสำรวจและรวบรวมข้อมูลมุมมองจากนักวิเคราะห์ที่มีต่อพื้นฐานของ FM พร้อมกับราคาเป้าหมายหรือมูลค่าที่เหมาะสมของหุ้นดังกล่าว มานำเสนอให้แก่ผู้อ่านและนักลงทุนกัน
โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 8.30 บาท โดยบริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง มี D/E ที่ต่ำ และมี ROE ที่สูงมีผลการดำเนินงานที่ทำกำไรต่อเนื่อง รวมถึงผลประกอบการใน 3 ปีนี้ จะเพิ่มขึ้น ได้เฉลี่ยปีละ 43%
สำหรับกำไรสุทธิคาดในปี 2567 เพิ่มขึ้น 115% และคาดอัตราการเติบโตในปี 2567-2569 ปีละ 46% ตามรายได้จากการขายที่ดีขึ้น, การขยายกำลังการผลิตไก่ชำแหละและขยายกำลังการผลิตไก่แปรรูปปรุงสุกรองรับตลาดส่งออกและลูกค้าปัจจุบัน รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบลดลง
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมิน FM มีศักยภาพเติบโตสูงจากการมีฐานธุรกิจแข็งแกร่งทั้งด้านการบริหารห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพ การมุ่งเน้นสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง และมีฐานลูกค้าเป็นบริษัทชั้นนำ
ทั้งนี้ คาดการณ์อัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้าที่ 31% จากการขยายกำลังการผลิต การขยายตลาด การเพิ่มยอดขายสินค้าไก่แปรรูปปรุงสุก (CAV Products) ซึ่งมีอัตรากำไรสูง และการออกสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรจะมาจากการลงทุนในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง จึงประเมินราคาเป้าหมายที่ 8.90 บาท
ขณะที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 7.70 บาท โดยบริษัทมีจุดเด่นในการเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูปปรุงสุก ที่จะช่วยผลักดันอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น โดยคาดว่ากำไรสุทธิ 3 ปีข้างหน้า(ปี 2567-69) จะเติบโตเฉลี่ย 43%
โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิในปี 2567-2569 อยู่ที่ 542 ล้านบาท , 642 ล้านบาท และ 742 ล้านบาท จากการเติบโตของรายได้คาดเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3 ปีข้างหน้าที่ 19% โดยคาดการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายไก่แปรรูปปรุงสุกที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงจะเติบโตมากกว่ารายได้จากการขายเนื้อไก่ชำแหละ จึงคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในช่วง 3 ปีข้างหน้าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 12-12.3%
นอกจากนี้ยังมีนักวิเคราะห์อีก 3 สถาบันได้ออกมาให้ราคาพื้นฐานเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน โดยบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ให้ราคาพื้นฐาน 8.10 บาท , บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้ราคาพื้นฐาน 7.85 บาท และบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้ราคาพื้นฐาน 7.90 บาท