Wealth Sharing
ยอดขายรถ EV แย่! พิษเศรษฐกิจตกต่ำ การแข่งขันเดือด ฉุดเดือนมิ.ย. ยอดขายดิ่งแรง 26%
25 กรกฎาคม 2567
ตัวเลขยอดขาย EV ของประเทศไทยในเดือน มิ.ย.ที่ 5,714 คัน ลดลง 26% จากสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ และกระแสความนิยมที่เริ่มลดลง แต่ BYD คือ แบรนด์ที่มียอดขายสูงสุดในช่วงครึ่งปีแรก โบรกฯ มอง ตลาด EV ทั้งในประเทศไทย และตลาดโลกเผชิญแรงกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรง โดยเฉพาะจากผู้ผลิตจีนที่มีการปรับลดราคาลงมา
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยข้อมูลจาก Marklines รายงานตัวเลขยอดขาย EV ของประเทศไทยในเดือน มิ.ย.ที่ 5,714 คัน ลดลง 26%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ และกระแสความนิยมที่เริ่มลดลง
รวมถึงในช่วงต้นปีที่ผู้บริโภคได้ซื้อในงานมอเตอร์โชว์ไปแล้ว ทำให้ยอดขายในเดือน ม.ค.โดดไปอยู่ที่ 13,247 คัน เติบโต 334%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากนั้น ตั้งแต่เดือน ก.พ.ปรับลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาโดยตลอด
โดยภาพรวมในช่วงครึ่งปีแรก ยอดขาย EV รวมทั้งหมด 36,855 คัน เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่แบรนด์ที่มียอดขายสูงสุดในช่วงครึ่งปีแรกคือ BYD
ทั้งนี้ตลาด EV ทั้งในประเทศไทย และตลาดโลกเผชิญแรงกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรง โดยเฉพาะจากผู้ผลิตจีนที่มีการปรับลดราคาลงมา ขณะที่ตลาดในประเทศไทยรถมือสองราคาตกต่ำมากทำให้ยอดขายในประเทศลดลง
ดังนั้นมีมุมมองเป็นลบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในปีนี้ คาดชะลอตัวรุนแรงสุดในรอบสามปี โดยคาดยอดผลิตรถยนต์ในปีนี้ที่ 1.65 ล้านคัน ลดลง 10% จากปีก่อน โดยปัจจัยลบที่กระทบต่ออุตสาหกรรม ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจทั้งในประเทศและตลาดโลกที่มี แนวโน้มชะลอตัว,
อีกทั้งความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ, การถูกดึงอุปสงค์บริโภครถยนต์ใหม่ ทั้งจากตลาด EV ที่ส่วนใหญ่นำเข้า และตลาดรถมือ 2 ที่ราคาตกต่ำ โดยประมาณการกำไรปกติของกลุ่มยานยนต์ภายใต้ Coverage ที่ 4,314 ล้านบาท ลดลง 11% จากปีก่อน
โดยาคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ "น้อยกว่าตลาด" มองภาพอุตสาหกรรมปีนี้ไม่สดใสนัก กลยุทธ์การลงทุนในกลุ่ม ชิ้นส่วนยานยนต์ เน้นตั้งรับ รอผ่านประกาศงบไตรมาส 2/67 ที่เป็นไตรมาสที่แย่สุดของปี ค่อยกลับมาลงทุน
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยข้อมูลจาก Marklines รายงานตัวเลขยอดขาย EV ของประเทศไทยในเดือน มิ.ย.ที่ 5,714 คัน ลดลง 26%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ และกระแสความนิยมที่เริ่มลดลง
รวมถึงในช่วงต้นปีที่ผู้บริโภคได้ซื้อในงานมอเตอร์โชว์ไปแล้ว ทำให้ยอดขายในเดือน ม.ค.โดดไปอยู่ที่ 13,247 คัน เติบโต 334%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากนั้น ตั้งแต่เดือน ก.พ.ปรับลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาโดยตลอด
โดยภาพรวมในช่วงครึ่งปีแรก ยอดขาย EV รวมทั้งหมด 36,855 คัน เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่แบรนด์ที่มียอดขายสูงสุดในช่วงครึ่งปีแรกคือ BYD
ทั้งนี้ตลาด EV ทั้งในประเทศไทย และตลาดโลกเผชิญแรงกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรง โดยเฉพาะจากผู้ผลิตจีนที่มีการปรับลดราคาลงมา ขณะที่ตลาดในประเทศไทยรถมือสองราคาตกต่ำมากทำให้ยอดขายในประเทศลดลง
ดังนั้นมีมุมมองเป็นลบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในปีนี้ คาดชะลอตัวรุนแรงสุดในรอบสามปี โดยคาดยอดผลิตรถยนต์ในปีนี้ที่ 1.65 ล้านคัน ลดลง 10% จากปีก่อน โดยปัจจัยลบที่กระทบต่ออุตสาหกรรม ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจทั้งในประเทศและตลาดโลกที่มี แนวโน้มชะลอตัว,
อีกทั้งความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ, การถูกดึงอุปสงค์บริโภครถยนต์ใหม่ ทั้งจากตลาด EV ที่ส่วนใหญ่นำเข้า และตลาดรถมือ 2 ที่ราคาตกต่ำ โดยประมาณการกำไรปกติของกลุ่มยานยนต์ภายใต้ Coverage ที่ 4,314 ล้านบาท ลดลง 11% จากปีก่อน
โดยาคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ "น้อยกว่าตลาด" มองภาพอุตสาหกรรมปีนี้ไม่สดใสนัก กลยุทธ์การลงทุนในกลุ่ม ชิ้นส่วนยานยนต์ เน้นตั้งรับ รอผ่านประกาศงบไตรมาส 2/67 ที่เป็นไตรมาสที่แย่สุดของปี ค่อยกลับมาลงทุน