ในช่วงวันศุกร์สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ใช้คอมพีซีในระบบ Windows ทั่วโลก ต้องกุมขมับกับวิกฤตระบบปฏิบัติการจอฟ้า หรือ Blue Screen of Death (BSOD) ซึ่งฟังดูเผินๆอาจจะไม่ได้มีนัยสำคัญมากนะ แต่ในทางการเดียวกันด้วยระยะเวลาที่เกิดขึ้นกับส่งผลกระทบไปยังธุรกิจและบริการทั้งธนาคาร สนามบินต้องชะงักหรือปิดให้บริการชั่วคราว
โดยหากจะพูดถึงบริษัทที่เกี่ยวข้องก็คงต้องเป็นบริษัท CrowdStrike Holdings, Inc. (คราวด์สไตรก์) ซึ่งเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ขายซอฟต์แวร์และโซลูชัน โดยซอฟต์แวร์ “CrowdStrike Falcon” ถูกใช้อย่างแพร่หลายในธุรกิจทั่วโลก เพื่อจัดการความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ รวมไปถึงระบบปฏิบัติการณ์อย่าง Windows
แน่นอนว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ได้ส่งผลต่อราคาหุ้น Crowdstrike (CRWD) ให้ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาหรือปรับลงกว่า 25.18% มาอยู่ที่ 268 ดอลลาร์สหรัฐฯ ดังนั้น ในวันนี้ทางเราจึงได้หยิบมุมมองจากนักวิเคราะห์มานำเสนอให้แก่ผู้อ่านและนักลงทุนสายต่างประเทศมาให้ได้ชมกัน
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ได้แสดงความคิดเห็นว่า ราคาหุ้น Crowdstrike (CRWD) ที่ได้ปรับตัวลงต่อเนื่อง หลังในช่วงวันศุกร์ที่ ผ่านมาระบบ Window ใช้งานไม่ได้ในหลายอุตสาหกรรมโดยเฉพาะธนาคารและสายการบินซึ่ง เป็นผลสืบเนื่องมาจากระบบ Cybersecurity ของ CRWD
เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ cyberattack แต่เป็นปัญหาเฉพาะตัวที่เกิดกับระบบปฏิบัติการ window เท่านั้น ซึ่งกรณีนี้มีความเชื่อมโยงกับ server และ endpoint device (อุปกรณ์ที่ใช้สําหรับรับ-ส่งข้อมูล ผ่านทางระบบเครือข่าย) ของ CRWD ซึ่งหมายความว่าแนวโน้มคนใช้งานขนาดใหญ่ จะไปพิจารณาถึงการใช้งานประเภท agentless security (ไม่ต้องติดตั้งที่เครื่องแต่สามารถป้องกันการรั่วไหลหรือการเจาะระบบได้)
ขณะที่นักวิเคราะห์หลายโบรค Downgrade มุมมองการลงทุนของ CRWD ต่อเนื่อง จากเดิม “ซื้อ” สู่ระดับ “ถือ” เช่น Well Fargo ที่มีการปรับลดราคาเป้าหมายราคาลงเช่นกัน
นอกจากนี้ มองว่าประเด็นนี้อาจจะกระทบกับคําสั่งซื้อสินค้าของ Crowdstrike ในช่วงครึ่งปีหลังปี 67 เพราะผลกระทบในวงกว้างทําให้บริษัทอาจจะต้องลดความเสี่ยงจากระบบนี้ ซึ่ง Crowdstrike เป็นผู้นําอยู่เมื่อเทียบกับ Palo alto network, Wiz และ Sentinelone ส่วนผลกระทบของ Microsoft นั้นยังมีค่อนข้างจํากัด เพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่ระบบปฏิบัติการ
ทั้งนี้ ประเมินกรอบราคาจากมุมมองด้านเทคนิค แนวรับที่ 306.3 ดอลลาร์สหรัฐฯ และ แนวต้านที่ 431.2 ดอลลาร์สหรัฐฯ