จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : BKGI ผู้นำการแพทย์จีโนมิกส์ กับจุดแข็ง “เทคโนโลยี NGS-ห้องปฏิบัติการ” แกร่ง
25 กรกฎาคม 2567
บมจ.แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น (BKGI) เดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนหลังเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ สร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ CFO ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตกว่า 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน
บล.กรุงศรี วิเคราะห์ บมจ.แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น (BKGI) โดยระบุว่า ยังคงคำแนะนำ Buy โดยคงราคาเป้าหมายปี 24F ที่ 2.50 บาท วิธี DCF WACC 10% L-T growth 3% คิดเป็น Imply PE ปี 24F ที่ 29 เท่าเทียบเท่าค่าเฉลี่ย PE ปี 24F ของกลุ่มรพ.ที่ศึกษาและกลุ่มผู้ให้บริการ IVF (GFC,SAFE) เนื่องจาก
1) ไม่พบปัจจัยลบใหม่ต่อประมาณการกำไรสุทธิ
2) บริษัทยังน่าสนใจจากมีข้อได้เปรียบเทคโนโลยี Next-Generation Sequencing (NGS) ที่ทันสมัยจากกลุ่ม BGI (ถือหุ้น 37.4%) สำหรับให้บริการคัดกรองพันธุกรรมครอบคลุมทุกช่วงอายุตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์จนถึงกลุ่มผู้สูงอายุ ทำให้มีโอกาสเติบโตจากการขยายฐานลูกค้าเปิดกว้าง
3) ศักยภาพห้องห้องปฏิบัติการรองรับการเติบโตระยะยาว นอกจากนี้ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย PE ปี 24F ที่ 26 เท่าเทียบเท่า 0.8 เท่า PEG (คาดปี 24F-26F กำไรสุทธิเติบโต 33%CAGR
ซึ่งเราคงประมาณการกำไรปี 24F คาดกำไรสุทธิ 51 ลบ. เติบโต 59%y-y ส่วนปี 25F-26F คาดกำไรสุทธิ 66 ลบ. / 76 ลบ. ตามลำดับ หรือมีกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 33%CAGR 24F-26F เนื่องจาก
1.คาดว่ารายได้รวม (+25%CAGR) เติบโตจากจำนวนตัวอย่างในการตรวจเพิ่มขึ้นตามการขยายฐานลูกค้าใหม่
2. คาดมี %Gross margin รวม 43.7% ในปี 2024F และมีแนวโน้มดีขึ้นเป็น 44.6% ในปี 26F จากผลบวก Economies of scale ของจำนวนตัวอย่างเพิ่มขึ้น
3. คาดค่าใช้จ่าย SG&A ต่อรายได้มีสัดส่วน 28.8% และ 28.4% ในปี 2024F-26F
ขณะที่ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บมจ.แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น (BKGI) “กิตติคุณ รอดรังนก”เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในปีนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมกับโรงพยาบาลรัฐ และเอกชนหลายราย เพื่อขยายการบริการที่เกี่ยวข้องภายใต้การบริการเดิม หรืออาจมีการพัฒนาการบริการด้านการแพทย์ใหม่ๆ โดยคาดว่า จะเริ่มทยอยประกาศการลงนามสัญญาความร่วมมือกันในช่วงไตรมาส 2 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ บริษัทฯยังการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าไปควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) ในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจของบริษัทเพิ่มเติม คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปี 67 หลังบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ทำให้มีความพร้อมทั้งฐานทุนที่แข็งแกร่ง รองรับกับศักยภาพและการเติบโตทางธุรกิจ ผ่านศาสตร์การแพทย์จีโนมิกส์ (Genomics)
โดยมี BGI เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ให้การสนับสนุนถ่ายทอดเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย ให้กับ BKGI ในฐานะ Flagship รองรับแผนขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานในอนาคตเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งในปี 67 ตั้งเป้ารายได้โตเกิน 30% จากปีก่อน
และล่าสุด นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร ประธานกรรมการบริหาร BKGI ได้ลงนามความร่วมมือ MOA (Memorandum of Agreement) ด้านการวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระหว่างองค์กรของไทยและจีน โดยมี Professor Yingchi Zhan จากสถาบัน Haihe Laboratory of Cell Ecosystem เพื่อพัฒนายาสำหรับรักษาโรคมะเร็ง โดยเฉพาะการผลิตยานวัตกรรมขั้นสูง
บล.กรุงศรี วิเคราะห์ บมจ.แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น (BKGI) โดยระบุว่า ยังคงคำแนะนำ Buy โดยคงราคาเป้าหมายปี 24F ที่ 2.50 บาท วิธี DCF WACC 10% L-T growth 3% คิดเป็น Imply PE ปี 24F ที่ 29 เท่าเทียบเท่าค่าเฉลี่ย PE ปี 24F ของกลุ่มรพ.ที่ศึกษาและกลุ่มผู้ให้บริการ IVF (GFC,SAFE) เนื่องจาก
1) ไม่พบปัจจัยลบใหม่ต่อประมาณการกำไรสุทธิ
2) บริษัทยังน่าสนใจจากมีข้อได้เปรียบเทคโนโลยี Next-Generation Sequencing (NGS) ที่ทันสมัยจากกลุ่ม BGI (ถือหุ้น 37.4%) สำหรับให้บริการคัดกรองพันธุกรรมครอบคลุมทุกช่วงอายุตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์จนถึงกลุ่มผู้สูงอายุ ทำให้มีโอกาสเติบโตจากการขยายฐานลูกค้าเปิดกว้าง
3) ศักยภาพห้องห้องปฏิบัติการรองรับการเติบโตระยะยาว นอกจากนี้ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย PE ปี 24F ที่ 26 เท่าเทียบเท่า 0.8 เท่า PEG (คาดปี 24F-26F กำไรสุทธิเติบโต 33%CAGR
ซึ่งเราคงประมาณการกำไรปี 24F คาดกำไรสุทธิ 51 ลบ. เติบโต 59%y-y ส่วนปี 25F-26F คาดกำไรสุทธิ 66 ลบ. / 76 ลบ. ตามลำดับ หรือมีกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 33%CAGR 24F-26F เนื่องจาก
1.คาดว่ารายได้รวม (+25%CAGR) เติบโตจากจำนวนตัวอย่างในการตรวจเพิ่มขึ้นตามการขยายฐานลูกค้าใหม่
2. คาดมี %Gross margin รวม 43.7% ในปี 2024F และมีแนวโน้มดีขึ้นเป็น 44.6% ในปี 26F จากผลบวก Economies of scale ของจำนวนตัวอย่างเพิ่มขึ้น
3. คาดค่าใช้จ่าย SG&A ต่อรายได้มีสัดส่วน 28.8% และ 28.4% ในปี 2024F-26F
ขณะที่ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บมจ.แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น (BKGI) “กิตติคุณ รอดรังนก”เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในปีนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมกับโรงพยาบาลรัฐ และเอกชนหลายราย เพื่อขยายการบริการที่เกี่ยวข้องภายใต้การบริการเดิม หรืออาจมีการพัฒนาการบริการด้านการแพทย์ใหม่ๆ โดยคาดว่า จะเริ่มทยอยประกาศการลงนามสัญญาความร่วมมือกันในช่วงไตรมาส 2 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ บริษัทฯยังการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าไปควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) ในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจของบริษัทเพิ่มเติม คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปี 67 หลังบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ทำให้มีความพร้อมทั้งฐานทุนที่แข็งแกร่ง รองรับกับศักยภาพและการเติบโตทางธุรกิจ ผ่านศาสตร์การแพทย์จีโนมิกส์ (Genomics)
โดยมี BGI เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ให้การสนับสนุนถ่ายทอดเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย ให้กับ BKGI ในฐานะ Flagship รองรับแผนขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานในอนาคตเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งในปี 67 ตั้งเป้ารายได้โตเกิน 30% จากปีก่อน
และล่าสุด นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร ประธานกรรมการบริหาร BKGI ได้ลงนามความร่วมมือ MOA (Memorandum of Agreement) ด้านการวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระหว่างองค์กรของไทยและจีน โดยมี Professor Yingchi Zhan จากสถาบัน Haihe Laboratory of Cell Ecosystem เพื่อพัฒนายาสำหรับรักษาโรคมะเร็ง โดยเฉพาะการผลิตยานวัตกรรมขั้นสูง