จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : SM ขยายฐานบุกธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป เกาะกระแสพลังงานสะอาดดันผลงานทำสถิติ
30 กรกฎาคม 2567
โซลาร์รูฟท็อป หรือระบบผลิตไฟฟ้าบนหลังคา กำลังเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย หลังสถานการณ์ราคาค่าไฟฟ้าที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นโอกาสสร้างการเติบโตให้ธุรกิจของ บมจ.สตาร์ มันนี่ หรือ SM ที่มั่นใจหนุนรายได้ปีนี้เติบโตทำสถิติใหม่
SolarEdge ระบุว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในปัจจุบันจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยและทั่วโลก แต่แนวโน้มของอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงสดใส ในขณะที่ตลาดโลกอย่างสหรัฐกำลังเผชิญปัญหาอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น แต่ตลาดโซลาร์เซลล์ของไทยและภูมิภาคนี้กลับแสดงให้เห็นแนวโน้มที่แตกต่างออกไป โดยระบบโซลาร์เซลล์ยังคงถูกมองว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงิน
เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในภาคส่วนต่าง ๆ การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น และค่าไฟฟ้าที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยเหล่านี้ล้วนสนับสนุนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของตลาดโซลาร์เซลล์ในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สร้างโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญในภูมิภาค ดังนั้น แม้สถานการณ์เศรษฐกิจเศรษฐกิจโลกจะน่ากังวล การติดตั้งโซลาร์เซลล์ยังคงเป็นการลงทุนที่น่าสนใจและมีศักยภาพ
ขณะเดียวกันกระทรวงอุตสาหกรรม ก็ระบุว่า กำลังจะยื่นขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปลดล็อกโซลาร์รูฟท็อป เพื่อรองรับนโยบายพลังงานสีเขียวได้อย่างเป็นรูปธรรม ใช้ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งเรื่องของพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรมไม่ได้ส่งเสริม และสนับสนุนเฉพาะนักลงทุนในประเทศเท่านั้น แต่ยังตอบโจทย์นักลงทุนต่างประเทศที่กำลังตัดสินใจเข้ามาลงทุน และถามหาพลังงานสะอาดในประเทศไทย ซึ่งเป็นปัจจัยให้สามารถตัดสินใจที่จะเข้ามาลงทุน
การเติบโตของธุรกิจพลังงานสะอาดซึ่งเป็น New S Curve รวมทั้งของ บมจ.สตาร์ มันนี่ หรือ SM ผู้นำในการให้บริการสินเชื่อรายย่อยแบบมีหลักประกัน รถยนต์ รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ สินเชื่อบ้านและที่ดิน รวมถึงจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งในรูปแบบเงินสด และเงินผ่อน
“ชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม” กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า บริษัทร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความชำนาญและประสบการณ์ยาวนาน ในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาที่ทำการของสาขา เพื่อประหยัดค่าไฟฟ้า รวมถึงขยายความร่วมมือทางธุรกิจในการติดตั้งและให้บริการสินเชื่อ Solar Rooftop ให้กับลูกค้าทั้งที่เป็นสถานประกอบการและที่พักอาศัย ซึ่งจะสนับสนุนเป้าหมายรายได้รวมทั้งปีเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปี 2566 ที่ทำรายได้รวมอยู่ที่ 1,380 ล้านบาท
พร้อมเดินหน้าวางรากฐานธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG ล่าสุดได้รับการรับรองผลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon footprint)โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือTGO ขณะเดียวกัน ยังได้ใบรับรองมาตรฐานISO14064-1 จากทางบริษัท บูโร เวอริทัส เซอทิฟิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด
ตอกย้ำสุดยอดองค์กรที่คำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งภายในและภายนอกองค์กร ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการระดับ 5 ดาว ดีเลิศ จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD)สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตขององค์กรในระยะยาว และมีความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนองค์กรสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนอย่างแท้จริง
SolarEdge ระบุว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในปัจจุบันจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยและทั่วโลก แต่แนวโน้มของอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงสดใส ในขณะที่ตลาดโลกอย่างสหรัฐกำลังเผชิญปัญหาอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น แต่ตลาดโซลาร์เซลล์ของไทยและภูมิภาคนี้กลับแสดงให้เห็นแนวโน้มที่แตกต่างออกไป โดยระบบโซลาร์เซลล์ยังคงถูกมองว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงิน
เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในภาคส่วนต่าง ๆ การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น และค่าไฟฟ้าที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยเหล่านี้ล้วนสนับสนุนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของตลาดโซลาร์เซลล์ในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สร้างโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญในภูมิภาค ดังนั้น แม้สถานการณ์เศรษฐกิจเศรษฐกิจโลกจะน่ากังวล การติดตั้งโซลาร์เซลล์ยังคงเป็นการลงทุนที่น่าสนใจและมีศักยภาพ
ขณะเดียวกันกระทรวงอุตสาหกรรม ก็ระบุว่า กำลังจะยื่นขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปลดล็อกโซลาร์รูฟท็อป เพื่อรองรับนโยบายพลังงานสีเขียวได้อย่างเป็นรูปธรรม ใช้ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งเรื่องของพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรมไม่ได้ส่งเสริม และสนับสนุนเฉพาะนักลงทุนในประเทศเท่านั้น แต่ยังตอบโจทย์นักลงทุนต่างประเทศที่กำลังตัดสินใจเข้ามาลงทุน และถามหาพลังงานสะอาดในประเทศไทย ซึ่งเป็นปัจจัยให้สามารถตัดสินใจที่จะเข้ามาลงทุน
การเติบโตของธุรกิจพลังงานสะอาดซึ่งเป็น New S Curve รวมทั้งของ บมจ.สตาร์ มันนี่ หรือ SM ผู้นำในการให้บริการสินเชื่อรายย่อยแบบมีหลักประกัน รถยนต์ รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ สินเชื่อบ้านและที่ดิน รวมถึงจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งในรูปแบบเงินสด และเงินผ่อน
“ชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม” กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า บริษัทร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความชำนาญและประสบการณ์ยาวนาน ในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาที่ทำการของสาขา เพื่อประหยัดค่าไฟฟ้า รวมถึงขยายความร่วมมือทางธุรกิจในการติดตั้งและให้บริการสินเชื่อ Solar Rooftop ให้กับลูกค้าทั้งที่เป็นสถานประกอบการและที่พักอาศัย ซึ่งจะสนับสนุนเป้าหมายรายได้รวมทั้งปีเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปี 2566 ที่ทำรายได้รวมอยู่ที่ 1,380 ล้านบาท
พร้อมเดินหน้าวางรากฐานธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG ล่าสุดได้รับการรับรองผลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon footprint)โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือTGO ขณะเดียวกัน ยังได้ใบรับรองมาตรฐานISO14064-1 จากทางบริษัท บูโร เวอริทัส เซอทิฟิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด
ตอกย้ำสุดยอดองค์กรที่คำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งภายในและภายนอกองค์กร ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการระดับ 5 ดาว ดีเลิศ จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD)สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตขององค์กรในระยะยาว และมีความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนองค์กรสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนอย่างแท้จริง