เกาะติดการประกาศงบการเงิน รอบผลประกอบการช่วงไตรมาส 2/67 หุ้นโรงไฟฟ้า ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่นักลงทุนเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด ดังนั้นทีมข่าว จึงได้รวบรวมคาดการณ์กำไรไตรมาส 2/67 หุ้นโรงไฟฟ้ารายใหญ่ของไทยมาฝากนักลงทุน งานนี้ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
เริ่มกันที่หุ้นสุดฮอต GULF นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดกำไรปกติไตรมาส 2/67 ของ GULF ที่ระดับ 4,200-4,500 ล้านบาท เติบโตทั้งจากไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน มีโอกาสทำระดับสูงสุดใหม่รายไตรมาส จากการรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า GPD หน่วยที่ 3 (662.5MW) และโรงไฟฟ้าหินกองหน่วยที่ 1 (377.3MWe) แบบเต็มไตรมาส
รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง (ผลจากการแข่งขันที่ลดลงในตลาดมือถือและ Broadband) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 52.75 บาท
ต่อกันที่ GPSC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/67 จะแข็งแกร่งที่ 1.4 พันล้านบาท เติบโตสูง 58%จากไตรมาสก่อน และเติบโต 343% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหนุนหลักมาจากการฟื้นตัวของธุรกิจโรงไฟฟ้า SPP ซึ่งเติบโตสอดคล้องอุปสงค์ไฟฟ้า - ไอน้ำของภาคปิโตรเคมี
รวมทั้งอัตรากำไรได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซลดลง หลังแหล่งเอราวัณสามารถผลิตก๊าซได้เต็มที่ ทำให้สัดส่วนก๊าซในอ่าวไทยเพิ่มขึ้น และการเริ่มคำนวณต้นทุนก๊าซภายใต้นโยบาย Single Pool (ให้ส่วนลดย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 57 บาท
อีกหนึ่งบริษัทที่กำไรเติบคือ RATCH นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ประเมินไตรมาส 2/67 RATCH จะมีกำไรปกติราว 1.9 พันล้านบาท เติบโตทั้งช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน เพราะรับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าหินกองที่ COD เพิ่ม (ผลิตเต็มไตรมาสจากไตรมาสก่อน)
อีกทั้งโรงไฟฟ้า Paiton หนุน ตั้งแต่ พ.ค. 67 คาดราว 380 ล้านบาท และโรงไฟฟ้าหงสาออกจากปิดซ่อมใหญ่ ดังนั้นแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายที่ 41 บาท
ขณะที่ EGCO บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) คาดกำไรปกติไตรมาส 2/2567 ที่ 2 พันล้านบาท ลดลง 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 25% จากไตรมาสก่อน
โดยกำไรที่ลดลง มีสาเหตุหลักมาจาก แผนปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซ Paju ES ในเกาหลีใต้ รวมทั้งโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดใหญ่ (IPP) อย่างโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซ KEGCO ที่ปิดซ่อมบำรุงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (adder) ที่หมดอายุลงในไตรมาส 4/2566 ของ Solarco ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 28 MWe
อย่างไรก็ตาม กำไรที่เพิ่มขึ้น เชิงจากไตรมาสก่อน น่าจะมาจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน Quezon ในฟิลิปปินส์ ตามอัตรากำไรที่ดีขึ้นจากต้นทุนถ่านหินลดลง และไม่มีการปิดซ่อมบำรุงในไตรมาส 2/2567 แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 125 บาท
สุดท้าย BGRIM นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดไตรมาส 2/67 มีกำไรสุทธิ 260 ล้านบาท ลดลง 31% จากไตรมาสก่อน และลดลง 62% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ถูกฉุดโดยภาวะขาดทุน FXมากขึ้น พร้อมกับคาดกำไรหลักที่ 560 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน(ไม่รวมขาดทุน FX มากขึ้นและต้นทุนพิเศษ)
อย่างไรก็ตาม BGRIM เป็นหนึ่งในผู้ได้รับประโยชน์ของในกลุ่มโรงไฟฟ้าจากราคาก๊าซขาลง และกระแส Data Center ที่กำลังเข้ามาในไทยในระยะยาว จึงคงแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายลงใหม่ที่ 26.00 บาท เพื่อสะท้อนการปรับกำไรลดลง
เริ่มกันที่หุ้นสุดฮอต GULF นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดกำไรปกติไตรมาส 2/67 ของ GULF ที่ระดับ 4,200-4,500 ล้านบาท เติบโตทั้งจากไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน มีโอกาสทำระดับสูงสุดใหม่รายไตรมาส จากการรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า GPD หน่วยที่ 3 (662.5MW) และโรงไฟฟ้าหินกองหน่วยที่ 1 (377.3MWe) แบบเต็มไตรมาส
รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง (ผลจากการแข่งขันที่ลดลงในตลาดมือถือและ Broadband) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 52.75 บาท
ต่อกันที่ GPSC นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/67 จะแข็งแกร่งที่ 1.4 พันล้านบาท เติบโตสูง 58%จากไตรมาสก่อน และเติบโต 343% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหนุนหลักมาจากการฟื้นตัวของธุรกิจโรงไฟฟ้า SPP ซึ่งเติบโตสอดคล้องอุปสงค์ไฟฟ้า - ไอน้ำของภาคปิโตรเคมี
รวมทั้งอัตรากำไรได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซลดลง หลังแหล่งเอราวัณสามารถผลิตก๊าซได้เต็มที่ ทำให้สัดส่วนก๊าซในอ่าวไทยเพิ่มขึ้น และการเริ่มคำนวณต้นทุนก๊าซภายใต้นโยบาย Single Pool (ให้ส่วนลดย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 57 บาท
อีกหนึ่งบริษัทที่กำไรเติบคือ RATCH นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ประเมินไตรมาส 2/67 RATCH จะมีกำไรปกติราว 1.9 พันล้านบาท เติบโตทั้งช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน เพราะรับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าหินกองที่ COD เพิ่ม (ผลิตเต็มไตรมาสจากไตรมาสก่อน)
อีกทั้งโรงไฟฟ้า Paiton หนุน ตั้งแต่ พ.ค. 67 คาดราว 380 ล้านบาท และโรงไฟฟ้าหงสาออกจากปิดซ่อมใหญ่ ดังนั้นแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายที่ 41 บาท
ขณะที่ EGCO บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) คาดกำไรปกติไตรมาส 2/2567 ที่ 2 พันล้านบาท ลดลง 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 25% จากไตรมาสก่อน
โดยกำไรที่ลดลง มีสาเหตุหลักมาจาก แผนปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซ Paju ES ในเกาหลีใต้ รวมทั้งโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดใหญ่ (IPP) อย่างโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซ KEGCO ที่ปิดซ่อมบำรุงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (adder) ที่หมดอายุลงในไตรมาส 4/2566 ของ Solarco ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 28 MWe
อย่างไรก็ตาม กำไรที่เพิ่มขึ้น เชิงจากไตรมาสก่อน น่าจะมาจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน Quezon ในฟิลิปปินส์ ตามอัตรากำไรที่ดีขึ้นจากต้นทุนถ่านหินลดลง และไม่มีการปิดซ่อมบำรุงในไตรมาส 2/2567 แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 125 บาท
สุดท้าย BGRIM นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดไตรมาส 2/67 มีกำไรสุทธิ 260 ล้านบาท ลดลง 31% จากไตรมาสก่อน และลดลง 62% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ถูกฉุดโดยภาวะขาดทุน FXมากขึ้น พร้อมกับคาดกำไรหลักที่ 560 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน(ไม่รวมขาดทุน FX มากขึ้นและต้นทุนพิเศษ)
อย่างไรก็ตาม BGRIM เป็นหนึ่งในผู้ได้รับประโยชน์ของในกลุ่มโรงไฟฟ้าจากราคาก๊าซขาลง และกระแส Data Center ที่กำลังเข้ามาในไทยในระยะยาว จึงคงแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายลงใหม่ที่ 26.00 บาท เพื่อสะท้อนการปรับกำไรลดลง