เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 28-02-23
28-02-23 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
***สวัสดีวันสุดท้ายของเดือนแห่งความรัก..พรุ่งนี้ก้อจะก้าวสู่เดือนมีนาคมแล้ว ถึงตอนนั้นนักลงทุนคงมุ่งโฟกัสไปกับประเด็นทางการเมืองในประเทศมากยิ่งขึ้น เซียนหุ้นออกมาประเมินโอกาสที่จะเกิดการยุบสภาในเดือนมีนาคม ก่อนสภาฯจะครบกำหนดวาระในวันที่ 23
มีนาคมนี้ ซึ่งจะส่งผลดีคือ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 103 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กำหนดว่าหากยุบสภาจะต้องกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ภายใน 45 วันแต่ไม่เกิน 60วัน รวมถึงผู้สมัครต้องสังกัดพรรคใหม่อย่างน้อยเพียง 30 วัน ซึ่งต่างจากกรณีสภาฯอยู่ครบวาระ ดังนั้นการตัดสินใจเลือกทางนี้จะทำให้ สส. มีระยะเวลาในการย้ายพรรคได้ทัน รวมทั้งมีช่วงเวลาในการหาเสียงมากยิ่งขึ้น โดยคาดวันเลือกตั้งครั้งนี้จะอยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2566
***การเมืองถือเป็นประเด็นที่มีผลต่อทิศทางเศรษฐกิจและการลงทุนเป็นอย่างมาก โดยตลาดหุ้นมักจะมีความคาดหวังเชิงบวกต่อการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงถัดไป หากพิจารณาสถิติย้อนหลังในช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมาซึ่งมีการเลือกตั้งสำคัญ 5 ครั้ง (ปี2544-2562) จะพบว่า SET ปรับตัวขึ้นเด่น 3 เดือนก่อนวันเลือกตั้ง (ElectionRally) ด้วยผลตอบแทนเฉลี่ย +3.4% และยังคงปรับขึ้นต่อเนื่อง 1 เดือนหลังการเลือกตั้ง ด้วยผลตอบแทนเฉลี่ย +5.3% แต่อย่างไรก็ตามคงต้องพิจารณาถึงขั้วการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งเป็นสำคัญ
***กูรูหุ้นวิเคราะห์ว่าหากพิจารณาในรายอุตสาหกรรมจะพบว่ากลุ่มที่อิงกับการฟื้นตัวในประเทศจะปรับตัวขึ้นเด่นในช่วงการเก็ง Election Rally ซึ่งก็สะท้อนถึงความคาดหวังเชิงบวกต่อนโยบายของภาครัฐฯที่จะไล่เรียงออกมาในช่วงถัดไป โดยจากสถิติพบว่ากลุ่มอุตสาหกรรมที่มักจะปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงก่อนการเลือกตั้งได้แก่ กลุ่มสื่อสาร, สื่อและสิ่งพิมพ์, ค้าปลีก และอาหาร โดยแนะน าหุ้นที่น่าสนใจ ดังนี้
1) ADVANC รายได้เติบโตดี ควบคุมต้นทุนเด่น
2) COM7 แรงหนุนจากการบริโภคที่เร่งตัวขึ้น
3) PLANB ก้าวเข้าสู่ปีแห่งการเก็บเกี่ยว
4) TU ประเด็น Red lobster ฟื้นตัว ผสานปันผลเด่น
***อีกเรื่องที่จะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคือเป็นช่วงการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลของประเทศไทย อิงจากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา โดยปกติแล้วประเทศไทยจะเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลหน้าร้อนโดยเฉลี่ยตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. เป็นต้นไป และในปีนี้ ไทยเรามีความเสี่ยงเผชิญ “สภาวะเอลนีโญ” คือ ฝนตกน้อยแห้งแล้ง และความร้อนที่มากกว่าปกติ
***ผลกระทบต่อเนื่องจากเรื่องนี้ กูรูหุ้นระบุว่าจากการศึกษาผลตอบแทนดัชนี SET50 และกลุ่มที่มีโอกาสได้ประโยชน์ช่วงฤดูร้อน คือ
-กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG, OSP, SAPPE,ICHI)
-กลุ่มร้านอาหาร (MINT, CENTEL)
-กลุ่มค้าปลีก+ห้างสรรพสินค้า (CPALL, CRC CPN)
-กลุ่มก่อสร้าง (STEC,GLOBAL)
***ประเด็นาคัญคือ สถิติย้อนหลัง 5 ปีอิง 5 ช่วงเวลา พบว่า หุ้น Summer Play มัก Outperform SET ที่สุด เมื่อซื้อวันที่เข้าสู่ฤดูร้อน และ
ขายกำไรหลังเข้าสู่ฤดูกาล 1 เดือน
- หากซื้อหุ้นกลุ่มดังกล่าววันที่เข้าสู่ฤดูร้อน และขายหลังจากเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน 1 เดือน พบว่า จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 5.22% ดีกว่า SET, SET50 และ SET100 ที่ให้ผลตอบแทน +3.38%,+3.49%, +3.67% ตามลำดับ
- ในช่วงเวลาดังกล่าว หุ้นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกด้วยความเป็นไปได้80% ได้แก่ CBG (5.27%), CENTEL (5.13%), และ MINT(13.97%) และหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกด้วยความเป็นไปได้ 60% ได้แก่ ICHI (6.87%) และ OSP(3.29%)
- นอกจากหุ้นในกลุ่มข้างต้นที่มีสถิติให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงฤดูร้อน CBG, CENTEL, MINT, ICHI, OSP นอกจากนี้ถ้าอิงภาพฤดูร้อนปีนี้ที่มีแนวโน้มร้อนสูงกว่าปกติ คาดว่าจะเปิด Upside ทางพื้นฐานหุ้นอื่นๆ ที่มีโอกาสได้ประโยชน์ด้วย อาทิ SAPPE, CPALL, CRC, CPN, STEC, GLOBAL,TACC, SNC,DOHOME, HMPRO
***เมื่อวาน NEX เพิ่งจะมีข่าวดีเรื่องผลประกอบการเทิร์นอะราวด์ชัดเจนมากๆ และทรงของปี 66 ก้อน่าจะโดดเด่นต่อเนื่องไปอี๊กกกก วันนี้มีข่าวดีเสริมอีกเรื่องคือเตรียม Spin-off ส่ง "บมจ.เทอร์ราไบท์ พลัส" หรือ TERA เข้าตลาด mai โดยมีแผนี่จะขายหุ้น IPO จำนวน 90 ล้านหุ้น ภายหลังไอพีโอทาง NEX จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TERA และมีสถานะเป็นบริษัทร่วม..จากเดิมที่มีสถานะเป็นบริษัทย่อย และบริษัทจะยังคงสัดส่วนการถือหุ้นใน TERA ในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 31.88%% แหม!! แบบนี้ไม่มีหุ้น NEX ติดพอร์ตไว้ไม่ได้แล้วอ่ะ
28-02-23 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
***สวัสดีวันสุดท้ายของเดือนแห่งความรัก..พรุ่งนี้ก้อจะก้าวสู่เดือนมีนาคมแล้ว ถึงตอนนั้นนักลงทุนคงมุ่งโฟกัสไปกับประเด็นทางการเมืองในประเทศมากยิ่งขึ้น เซียนหุ้นออกมาประเมินโอกาสที่จะเกิดการยุบสภาในเดือนมีนาคม ก่อนสภาฯจะครบกำหนดวาระในวันที่ 23
มีนาคมนี้ ซึ่งจะส่งผลดีคือ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 103 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กำหนดว่าหากยุบสภาจะต้องกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ภายใน 45 วันแต่ไม่เกิน 60วัน รวมถึงผู้สมัครต้องสังกัดพรรคใหม่อย่างน้อยเพียง 30 วัน ซึ่งต่างจากกรณีสภาฯอยู่ครบวาระ ดังนั้นการตัดสินใจเลือกทางนี้จะทำให้ สส. มีระยะเวลาในการย้ายพรรคได้ทัน รวมทั้งมีช่วงเวลาในการหาเสียงมากยิ่งขึ้น โดยคาดวันเลือกตั้งครั้งนี้จะอยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2566
***การเมืองถือเป็นประเด็นที่มีผลต่อทิศทางเศรษฐกิจและการลงทุนเป็นอย่างมาก โดยตลาดหุ้นมักจะมีความคาดหวังเชิงบวกต่อการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงถัดไป หากพิจารณาสถิติย้อนหลังในช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมาซึ่งมีการเลือกตั้งสำคัญ 5 ครั้ง (ปี2544-2562) จะพบว่า SET ปรับตัวขึ้นเด่น 3 เดือนก่อนวันเลือกตั้ง (ElectionRally) ด้วยผลตอบแทนเฉลี่ย +3.4% และยังคงปรับขึ้นต่อเนื่อง 1 เดือนหลังการเลือกตั้ง ด้วยผลตอบแทนเฉลี่ย +5.3% แต่อย่างไรก็ตามคงต้องพิจารณาถึงขั้วการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งเป็นสำคัญ
***กูรูหุ้นวิเคราะห์ว่าหากพิจารณาในรายอุตสาหกรรมจะพบว่ากลุ่มที่อิงกับการฟื้นตัวในประเทศจะปรับตัวขึ้นเด่นในช่วงการเก็ง Election Rally ซึ่งก็สะท้อนถึงความคาดหวังเชิงบวกต่อนโยบายของภาครัฐฯที่จะไล่เรียงออกมาในช่วงถัดไป โดยจากสถิติพบว่ากลุ่มอุตสาหกรรมที่มักจะปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงก่อนการเลือกตั้งได้แก่ กลุ่มสื่อสาร, สื่อและสิ่งพิมพ์, ค้าปลีก และอาหาร โดยแนะน าหุ้นที่น่าสนใจ ดังนี้
1) ADVANC รายได้เติบโตดี ควบคุมต้นทุนเด่น
2) COM7 แรงหนุนจากการบริโภคที่เร่งตัวขึ้น
3) PLANB ก้าวเข้าสู่ปีแห่งการเก็บเกี่ยว
4) TU ประเด็น Red lobster ฟื้นตัว ผสานปันผลเด่น
***อีกเรื่องที่จะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคือเป็นช่วงการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลของประเทศไทย อิงจากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา โดยปกติแล้วประเทศไทยจะเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลหน้าร้อนโดยเฉลี่ยตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. เป็นต้นไป และในปีนี้ ไทยเรามีความเสี่ยงเผชิญ “สภาวะเอลนีโญ” คือ ฝนตกน้อยแห้งแล้ง และความร้อนที่มากกว่าปกติ
***ผลกระทบต่อเนื่องจากเรื่องนี้ กูรูหุ้นระบุว่าจากการศึกษาผลตอบแทนดัชนี SET50 และกลุ่มที่มีโอกาสได้ประโยชน์ช่วงฤดูร้อน คือ
-กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG, OSP, SAPPE,ICHI)
-กลุ่มร้านอาหาร (MINT, CENTEL)
-กลุ่มค้าปลีก+ห้างสรรพสินค้า (CPALL, CRC CPN)
-กลุ่มก่อสร้าง (STEC,GLOBAL)
***ประเด็นาคัญคือ สถิติย้อนหลัง 5 ปีอิง 5 ช่วงเวลา พบว่า หุ้น Summer Play มัก Outperform SET ที่สุด เมื่อซื้อวันที่เข้าสู่ฤดูร้อน และ
ขายกำไรหลังเข้าสู่ฤดูกาล 1 เดือน
- หากซื้อหุ้นกลุ่มดังกล่าววันที่เข้าสู่ฤดูร้อน และขายหลังจากเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน 1 เดือน พบว่า จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 5.22% ดีกว่า SET, SET50 และ SET100 ที่ให้ผลตอบแทน +3.38%,+3.49%, +3.67% ตามลำดับ
- ในช่วงเวลาดังกล่าว หุ้นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกด้วยความเป็นไปได้80% ได้แก่ CBG (5.27%), CENTEL (5.13%), และ MINT(13.97%) และหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกด้วยความเป็นไปได้ 60% ได้แก่ ICHI (6.87%) และ OSP(3.29%)
- นอกจากหุ้นในกลุ่มข้างต้นที่มีสถิติให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงฤดูร้อน CBG, CENTEL, MINT, ICHI, OSP นอกจากนี้ถ้าอิงภาพฤดูร้อนปีนี้ที่มีแนวโน้มร้อนสูงกว่าปกติ คาดว่าจะเปิด Upside ทางพื้นฐานหุ้นอื่นๆ ที่มีโอกาสได้ประโยชน์ด้วย อาทิ SAPPE, CPALL, CRC, CPN, STEC, GLOBAL,TACC, SNC,DOHOME, HMPRO
***เมื่อวาน NEX เพิ่งจะมีข่าวดีเรื่องผลประกอบการเทิร์นอะราวด์ชัดเจนมากๆ และทรงของปี 66 ก้อน่าจะโดดเด่นต่อเนื่องไปอี๊กกกก วันนี้มีข่าวดีเสริมอีกเรื่องคือเตรียม Spin-off ส่ง "บมจ.เทอร์ราไบท์ พลัส" หรือ TERA เข้าตลาด mai โดยมีแผนี่จะขายหุ้น IPO จำนวน 90 ล้านหุ้น ภายหลังไอพีโอทาง NEX จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TERA และมีสถานะเป็นบริษัทร่วม..จากเดิมที่มีสถานะเป็นบริษัทย่อย และบริษัทจะยังคงสัดส่วนการถือหุ้นใน TERA ในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 31.88%% แหม!! แบบนี้ไม่มีหุ้น NEX ติดพอร์ตไว้ไม่ได้แล้วอ่ะ