Talk of The Town
TEGH สุดแกร่ง! เปิดผลงานปี 65 รายได้โต 38.9% บอร์ดใจดีจ่ายปันผล 0.26 บ./หุ้น ขึ้น XD 13 มี.ค.นี้
28 กุมภาพันธ์ 2566
บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ TEGH โชว์รายได้ปี 2565 อยู่ที่ 15,403 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.9% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 684 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.6% จากปีก่อน ฟากเอ็มดี “สินีนุช โกกนุทาภรณ์” ระบุแผนธุรกิจปีนี้ เตรียมขยายกำลังการผลิตยางแท่งต่อเนื่อง ลุยเจาะตลาดลูกค้ายางล้อที่ประเทศอินเดีย-จีน เหตุมีดีมานด์สูง พร้อม COD โครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ ระยะที่ 1 ในไตรมาส 2/2566 มั่นใจช่วยผลักดันรายได้เติบโตกว่า 10%
นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 15,403.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.92% จากช่วงปีก่อนที่มีรายได้ 11,087.76 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 684.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.58% จากช่วงปีก่อนที่ทำได้ 562.64 ล้านบาท
"ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทฯ ปี 2565 เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติและธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ ขณะที่การเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิส่วนใหญ่มาจากผลกำไรที่เพิ่มขึ้นของสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติเป็นหลัก ที่มีการเพิ่มขึ้นของราคาขายเฉลี่ยและปริมาณการขายจากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรม" นางสาวสินีนุช กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น พิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตรารวม 0.26 บาทต่อหุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 13 มีนาคมนี้ และจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 หลังจากที่ได้รับอนุมัติในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566
สำหรับแผนธุรกิจในปี 2566 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตมากกว่า 10% จากการเติบโตของทั้ง 3 สายธุรกิจหลัก โดยสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติยังคงเน้นการผลิตสินค้าเกรดพรีเมียมที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าชั้นนำระดับโลกได้ และให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้ามาตรฐานความยั่งยืนที่มีปริมาณขายเติบโตขึ้นและมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตยางแท่งเป็น 430,000 ตัน/ปี ภายในปี 2567 หรือเพิ่มขึ้น 34% จากกำลังการผลิตปัจจุบัน และตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้ายางแท่งในตลาดอินเดียและจีนมากขึ้น
ส่วนธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ บริษัทฯ คาดว่าปีนี้จะฟื้นตัวกลับมาได้ หลังจากที่มีการซ่อมบำรุงเครื่องจักรไปเมื่อปีที่แล้ว และจากโครงการติดตั้ง Boiler ลูกใหม่ที่จะแล้วเสร็จในไตรมาส 1/2566 ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น และเดินหน้าติดตั้งหม้อนึ่งปาล์ม (Sterilizer) เพิ่มเติม เพื่อขยายกำลังการผลิตเป็น 84 ตันปาล์มทะลายต่อชั่วโมง ส่งผลให้บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบรวมเพิ่มขึ้น เป็น 735,000 ตันปาล์มทะลายต่อปี ซึ่งคาดว่าจะติดตั้งเสร็จภายในไตรมาส 4/2566 นี้
สำหรับธุรกิจผลิตพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ คาดว่าปีนี้รายได้จะเติบโตขึ้น จากโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ ระยะที่ 1 ที่จะ COD ได้ในช่วงต้นไตรมาส 2/2566 ทำให้บริษัทฯ สามารถรับกากอินทรีย์ได้เพิ่มขึ้นอีกวันละ 300 ตัน รวมเป็นความสามารถในการรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ทั้งหมด 720,000 ตันต่อปี และผลิตก๊าซชีวภาพได้เพิ่มขึ้นอีกวันละ 30,000 ลูกบาศก์เมตร ทำให้มีกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพรวมเป็น 34 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่ขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพจาก 43 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 64 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ภายในปี 2566 นี้ พร้อมรองรับความต้องการการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น และยังเป็นพลังงานสะอาดที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าจากทั้งภายในและนอกกลุ่มบริษัทฯ อีกด้วย
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน ไปพร้อมๆ กับการดูแลชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล ยึดถือปฏิบัติตามแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยบริษัทฯ ได้ทำแผนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงใช้กลไกของตลาดการซื้อขายคาร์บอนเครดิต เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2573 และมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิ์เป็นศูนย์ต่อไป
นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 15,403.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.92% จากช่วงปีก่อนที่มีรายได้ 11,087.76 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 684.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.58% จากช่วงปีก่อนที่ทำได้ 562.64 ล้านบาท
"ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทฯ ปี 2565 เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติและธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ ขณะที่การเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิส่วนใหญ่มาจากผลกำไรที่เพิ่มขึ้นของสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติเป็นหลัก ที่มีการเพิ่มขึ้นของราคาขายเฉลี่ยและปริมาณการขายจากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรม" นางสาวสินีนุช กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น พิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตรารวม 0.26 บาทต่อหุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 13 มีนาคมนี้ และจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 หลังจากที่ได้รับอนุมัติในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566
สำหรับแผนธุรกิจในปี 2566 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตมากกว่า 10% จากการเติบโตของทั้ง 3 สายธุรกิจหลัก โดยสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติยังคงเน้นการผลิตสินค้าเกรดพรีเมียมที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าชั้นนำระดับโลกได้ และให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้ามาตรฐานความยั่งยืนที่มีปริมาณขายเติบโตขึ้นและมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตยางแท่งเป็น 430,000 ตัน/ปี ภายในปี 2567 หรือเพิ่มขึ้น 34% จากกำลังการผลิตปัจจุบัน และตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้ายางแท่งในตลาดอินเดียและจีนมากขึ้น
ส่วนธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ บริษัทฯ คาดว่าปีนี้จะฟื้นตัวกลับมาได้ หลังจากที่มีการซ่อมบำรุงเครื่องจักรไปเมื่อปีที่แล้ว และจากโครงการติดตั้ง Boiler ลูกใหม่ที่จะแล้วเสร็จในไตรมาส 1/2566 ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น และเดินหน้าติดตั้งหม้อนึ่งปาล์ม (Sterilizer) เพิ่มเติม เพื่อขยายกำลังการผลิตเป็น 84 ตันปาล์มทะลายต่อชั่วโมง ส่งผลให้บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบรวมเพิ่มขึ้น เป็น 735,000 ตันปาล์มทะลายต่อปี ซึ่งคาดว่าจะติดตั้งเสร็จภายในไตรมาส 4/2566 นี้
สำหรับธุรกิจผลิตพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ คาดว่าปีนี้รายได้จะเติบโตขึ้น จากโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ ระยะที่ 1 ที่จะ COD ได้ในช่วงต้นไตรมาส 2/2566 ทำให้บริษัทฯ สามารถรับกากอินทรีย์ได้เพิ่มขึ้นอีกวันละ 300 ตัน รวมเป็นความสามารถในการรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ทั้งหมด 720,000 ตันต่อปี และผลิตก๊าซชีวภาพได้เพิ่มขึ้นอีกวันละ 30,000 ลูกบาศก์เมตร ทำให้มีกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพรวมเป็น 34 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่ขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพจาก 43 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 64 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ภายในปี 2566 นี้ พร้อมรองรับความต้องการการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น และยังเป็นพลังงานสะอาดที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าจากทั้งภายในและนอกกลุ่มบริษัทฯ อีกด้วย
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน ไปพร้อมๆ กับการดูแลชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล ยึดถือปฏิบัติตามแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยบริษัทฯ ได้ทำแผนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงใช้กลไกของตลาดการซื้อขายคาร์บอนเครดิต เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2573 และมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิ์เป็นศูนย์ต่อไป