Wealth Sharing
5 แบงก์ใหญ่สะเทือน! ปี 67 เสี่ยงขาดทุนรถยึดเพิ่มขึ้น KKP หนักสุด โบรกฯแนะนำ “ขาย”
01 สิงหาคม 2567
สำหรับตลาดรถยนต์ในไทยเริ่มกระท่อนกระแท่นมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง แต่ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ได้เปิดเผยประกาศดัชนีราคารถยนต์มือสอง เดือน มิ.ย. 67 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยหรือราว 1% จึงถือเป็นสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ
แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวก็ไม่อาจชี้วัดที่อนาคตและในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งมีมุมมองจากนักวิเคราะห์ที่น่าสนใจต่อธุรกิจเกี่ยวข้องกับสินเชื่อเช่าซื้ออย่างหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่มีการปล่อยให้แก่ผู้บริโภคแต่จะมากน้อยเพียงใด สามารถไปรับชมกันได้ในครั้งนี้
โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองเป็นกลางต่อข่าวดังกล่าว แม้ว่าดัชนีราคารถยนต์มือสองจะฟื้นตัวได้บ้างในเดือน มิ.ย.67 เพราะเป็นการฟื้นตัวตามฤดูกาล ขณะที่ยังคงต้องติดตามปริมาณรถยึดที่ยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครึ่งปีหลังที่ปกติราคารถมือสองจะลดลงมากกว่าครึ่งปีแรกซึ่งจะทำให้มูลค่าของผลขาดทุนรถยึดในปี 2567 จะยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในกลุ่มธนาคารที่มีสินเชื่อเช่าซื้อ
และหากเรียงผลกระทบตามสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อจากมาก-น้อยคือ เช่น KKP (48% ของสินเชื่อรวม), TISCO (46% ของสินเชื่อรวม), TTB (30% ของสินเชื่อรวม), BAY (21% ของสินเชื่อรวม), SCB (7%ของสินเชื่อรวม) อย่างไรก็ดี มองว่าขาดทุนรถยึดไตรมาส 3/67 และ 4/67 จะกลับมาเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล
ทั้งนี้ เรายังคงน้ำหนักการลงทุนลงเป็น “เท่ากับตลาด” โดยเลือก KTB (แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 21 บาท) และ KBANK (แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 155 บาท) เป็น Top pick ขณะที่มองเห็นความเสี่ยงกับ KKP ( แนะนำ “ขาย” ราคาเป้าหมาย 37 บาท) ที่มีสัดส่วนรถมือสองมากที่สุดในกลุ่มที่ 62% ของสินเชื่อเช่าซื้อ
แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวก็ไม่อาจชี้วัดที่อนาคตและในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งมีมุมมองจากนักวิเคราะห์ที่น่าสนใจต่อธุรกิจเกี่ยวข้องกับสินเชื่อเช่าซื้ออย่างหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่มีการปล่อยให้แก่ผู้บริโภคแต่จะมากน้อยเพียงใด สามารถไปรับชมกันได้ในครั้งนี้
โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองเป็นกลางต่อข่าวดังกล่าว แม้ว่าดัชนีราคารถยนต์มือสองจะฟื้นตัวได้บ้างในเดือน มิ.ย.67 เพราะเป็นการฟื้นตัวตามฤดูกาล ขณะที่ยังคงต้องติดตามปริมาณรถยึดที่ยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครึ่งปีหลังที่ปกติราคารถมือสองจะลดลงมากกว่าครึ่งปีแรกซึ่งจะทำให้มูลค่าของผลขาดทุนรถยึดในปี 2567 จะยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในกลุ่มธนาคารที่มีสินเชื่อเช่าซื้อ
และหากเรียงผลกระทบตามสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อจากมาก-น้อยคือ เช่น KKP (48% ของสินเชื่อรวม), TISCO (46% ของสินเชื่อรวม), TTB (30% ของสินเชื่อรวม), BAY (21% ของสินเชื่อรวม), SCB (7%ของสินเชื่อรวม) อย่างไรก็ดี มองว่าขาดทุนรถยึดไตรมาส 3/67 และ 4/67 จะกลับมาเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล
ทั้งนี้ เรายังคงน้ำหนักการลงทุนลงเป็น “เท่ากับตลาด” โดยเลือก KTB (แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 21 บาท) และ KBANK (แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 155 บาท) เป็น Top pick ขณะที่มองเห็นความเสี่ยงกับ KKP ( แนะนำ “ขาย” ราคาเป้าหมาย 37 บาท) ที่มีสัดส่วนรถมือสองมากที่สุดในกลุ่มที่ 62% ของสินเชื่อเช่าซื้อ