Talk of The Town

เดือน ส.ค. หุ้นไทยจะไปต่อยังไง? จับตา! คำตัดสิน 2 คดีใหญ่การเมืองไทย


02 สิงหาคม 2567

เกาะติดตลาดหุ้นไทยในเดือนส.ค. 67 ให้ดี! เพราะเดือนนี้มีประเด็นใหญ่ ที่จะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งคดียุบพรรคก้าวไกล ศาล รธน.นัดฟังคำวินิจฉัย วันที่ 7 ส.ค. และคดีถอดถอน นายกฯ เศรษฐา ศาล รธน.นัดฟังคำวินิจฉัย วันที่ 14 ส.ค. ซึ่งทั้ง 2 คดีหากผลออกมามีความชัดเจนขึ้น ตลาดหุ้นไทยจะเป็นอย่างไร ทีมข่าวหาคำตอบมาให้แล้ว

 S2T (เว็บ) เดือน ส.ค. หุ้นไทยจะไปต่อยังไง_0.jpg

ในมุมมองนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในเดือน ส.ค. 67 ศาลรัฐธรรมนูญของไทยมีกำหนดลงมติวินิจฉัยในคดียุบพรรคก้าวไกลและถอดถอนนายกฯเศรษฐา ทวีสิน จากประเด็นปัญหาด้านจริยธรรม 

โดยฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักที่คดีถอดถอนนายกฯวันที่ 14 ส.ค. ซึ่งคาดว่าตลาดจะตอบสนองเชิงลบในระยะสั้นถ้าศาลตัดสินให้ถอดถอนนาย เศรษฐา จากตำแหน่ง 

กรณีที่เลวร้ายที่สุดรัฐบาลจะต้องยุบสภาซึ่งอาจทำให้การอนุมัติงบประมาณรัฐบาลปี 68 มีความล่าช้าและกระทบเศรษฐกิจอีกครั้ง แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าคำตัดสินเป็นบวกต่อคุณเศรษฐา คาดว่า SET จะฟื้นตัวและตลาดน่าจะหันกลับไปให้ความสนใจกับปัจจัยพื้นฐาน แนวโน้มเศรษฐกิจขาขึ้นและการเติบโตของกำไรในช่วงครึ่งหลังปี 67

อย่างไรก็ตามคงเป้า SET ในปี 2567 ที่ 1,470 จุด เนื่องจากประมาณการกำไรต่อหุ้นในปี 2567 ที่ 91.50 บาทยังมีโอกาสปรับลงจำกัด อย่างไรก็ดีจะจับตาดูประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/67 ที่กำลังจะมาถึงอย่างใกล้ชิดเพื่อพิจารณาว่าประกาศดังกล่าวจะกระทบประมาณการกำไรโดยรวมหรือไม่ 

โดยยังมองว่าระดับการประเมินมูลค่าในปัจจุบันน่าสนใจสำหรับการลงทุนในระยะยาวเนื่องจากดัชนีฯ มีการซื้อขายที่ค่า 2567 PER ที่ 14.2 เท่า พร้อม Earnings Yield Gap ที่ 4.4%

จึงคงกลยุทธ์เลือกลงทุนโดยจะมุ่งเน้นไปที่หุ้นที่คาดว่าจะรายงานกำไรไตรมาส 2/67 อยู่ในเกณฑ์ดีและมีระดับการประเมินมูลค่าที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับในช่วงก่อนโควิด ในปี 2567 หุ้นเด่นเดือน ส.ค. ประกอบด้วย BA, CHG, CPALL,ITC และ MAGURO

ขณะที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ประเมิน 2 คดีใหญ่ทางการเมืองไทยที่มีผลต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา คือ คดีถอดถอนเศรษฐาพ้นนายกฯ และ คดียุบพรรคก้าวไกล ซึ่งมีความคืบหน้าและรายละเอียด ดังนี้ คดียุบพรรคก้าวไกล ศาล รธน.นัดฟังคำวินิจฉัย วันที่ 7 ส.ค.67 ส่วนคดีถอดถอน นายกฯ เศรษฐา ศาล รธน.นัดฟังคำวินิจฉัย วันที่ 14 ส.ค.67

ประเด็นแรก หากศาลนัดฟังคำวินิจฉัยแล้ว ยุบพรรคก้าวไกล สส.ภายในพรรค สามารถย้ายพรรคได้ภายใน 60 วัน ซึ่งไม่น่าจะกระทบต่อฐานจำนวน ส.ส. ของพรรคร่วมรัฐบาล แต่หากไม่ถูกสั่งให้ยุบพรรค ท่าทีของพรรคฝ่ายค้านทางสภาฯ ก็น่าจะดูร้อนแรงและแข็งแกร่งมากขึ้น แต่ไม่น่าจะมีผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลมากนัก

ส่วนประเด็นสอง หากศาลนัดฟังคำวินิจฉัยแล้ว กรณีที่ นายกฯถูกถอดถอน ตลาดหุ้นน่าจะถูกตีความในเชิงลบ เพราะ ครม.ใน ปัจจุบัน จะพ้นสภาพไปด้วย และต้องมีการโหวตเลือกนายกใหม่ และอาจนำไปสู่มาตการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆที่เตรียมไว้ อาทิ DIGITAL WALLET ต้องชะลอออกไปเช่นกัน 

แต่ถ้านายกฯ ไม่ถูกถอดถอน การดำเนินนโยบายต่างๆ ยังเป็นไปตามกระบวนการตามปกติ และตลาดหุ้นน่าจะตอบสนองในเชิงบวก

อย่างไรก็ตามมองกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index เดือน ส.ค.67 ไว้ที่ 1,288 – 1,350 จุด หลังเริ่มเห็นหลายปัจจัยช่วยพยุงตลาดหุ้นไทย ทั้ง SET Index ย่อตัวลึกกว่ามูลค่าทางพื้นฐานในเชิง PE, PBV และ Market Earning Yield Gap

อีกทั้งเศรษฐกิจไทย BOTTOM OUT จากหลายภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายภาครัฐ (G) ภาคการการลงทุน (I) รวมถึงภาคการบริโภค (C) คาดเป็นตัวช่วยให้ GDP GROWTH ไทยทยอยเติบโตเป็นขั้นบันได 

โดยทั้งปี 2567 IMF เพิ่มการเติบโตเศรษฐกิจไทยจาก 2.7% เป็น +2.9% อีกทั้งยังมีแรงผลักดันดัชนีจากประเด็นอื่น ทั้งการเพิ่มเสถียรภาพจากตลาดหลักทรัพย์ อย่าง UPTICK และรอรับเม็ดเงินจากกองทุนTHAIESG ใหม่ที่ผ่าน ครม.เรียบร้อย คาดจะช่วยหนุนให้ดัชนีค่อยๆ ทยอยฟื้นตัวกลับขึ้นไปเหนือ 1,400 จุดอีกครั้งได้ไม่ยากเย็นนัก 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำสะสมหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งที่แนวโน้มกำไรช่วงครึ่งปีหลังโดดเด่น AOT, BEM, BDMS, BJC , PLANB, GFPT

ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด  มองการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เดือนสิงหาคม ว่า มองกรอบการแกว่งตัวของดัชนี SET จะกว้างขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดือนกรกฎาคม ส่วนหนึ่งจากปัจจัยการเมืองภายในประเทศที่อาจจะเข้ามากระทบกับภาพตลาดมากขึ้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับของดัชนี ที่ 1,300 จุดและ 1,270 จุดตามลำดับ ส่วนแนวต้านประเมินที่ 1,340 จุด และ 1,370 จุดตามลำดับ

กลยุทธ์ในการเลือกลงทุนในเดือนสิงหาคม แนะนำกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจดังนี้

1. กลุ่มหุ้นโรงกลั่นที่ Valuation ลงมาต่ำมาก และเตรียมผ่านพ้นจุดต่ำสุดของ Earnings ในช่วงไตรมาส 2 ได้แก่ TOP, BCP, SPRC

2. กลุ่มหุ้นโรงไฟฟ้าที่ราคาหุ้นรับข่าวการตรึงค่า Ft ไปแล้ว และได้ Sentiment เชิงบวกจากการปรับลงของ Bond yield ได้แก่ GULF, GPSC, BGRIM

3. กลุ่มส่งออกที่มียอดการส่งออกในเดือนล่าสุดอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง ได้แก่ STA, NER, TEGH, COCOCO, AAI, ITC, TU, GFPT, CPF, KCE

4. กลุ่มหุ้นโรงพยาบาลที่มี Low beta เหมาะสำหรับการ Hedging ปัจจัยการเมืองในประเทศ และยังเตรียมเข้าสู่ช่วง High season ในไตรมาส 3 ได้แก่ BDMS, BH, BCH, CHG

เดือน ส.ค. หุ้นไทยจะไปต่อยังไง-01_0.jpg